วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Singapore - Part 1

ใครที่คิดว่าสิงคโปร์ไม่มีอะไรให้เที่ยว ลองอ่านรีวิวของเราดูก่อนนะคะ เพราะประเทศเล็กๆใหญ่กว่าภูเก็ตแค่นิดเดียว แต่เราต้องแบ่งรีวิวออกเป็นถึง 4 Part แล้วก็เป็นการกลับมาครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยมาครั้งแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว!! แต่สิงคโปร์ในวันนี้มีอะไรมากมายที่สร้างเพิ่มขึ้นมาให้เที่ยวได้อีกเพียบ ก่อสร้างเร็วมากกกก และก็ยังมีอีกหลายโครงการในอนาคตค่ะ ^^

ส่วนตัวคิดว่าเป็นประเทศที่สะดวกในการเดินทางมากๆ สะอาด และใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เหมาะสำหรับคนที่หัดเที่ยวต่างประเทศเองแบบแบ๊คแพ๊คหรือมาคนเดียวก็ปลอดภัย เพราะก็เป็นประเทศแรกที่เราเริ่มออกเที่ยวตั้งแต่สมัยที่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยค่ะ ^^"

การเดินทางในประเทศเราใช้บัตร Singapore Tourist Pass ค่ะ เป็นแบบเหมาจ่ายใช้เดินทางได้หมดทั้ง MRT , LRT และรถเมล์ แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง เราซื้อแบบ 3 วัน (S$20) มีมัดจำบัตรเพิ่มอีก S$10 สำหรับนักท่องเที่ยว ขอแนะนำเลยค่ะ สะดวกมาก ไม่ต้องรอคิวซื้อตั๋วที่ตู้ และคุ้มแน่นอนเพราะเราเดินทางเที่ยวทั้งวันอยู่แล้วค่ะ ดูรายละเอียดการซื้อและคืนบัตรจาก Ticket Office ที่ www.thesingaporetourispass.com ค่า


ในวันแรกของการเดินทาง เรามาไฟล์ทดึก ยังไม่ได้เที่ยวที่ไหน พักผ่อนกันก่อนออกลุยในเช้าวันต่อไป ขอรีวิวโรงแรมก่อนล่ะกัน เนื่องจากทริปนี้มากันสามสาว สาวแรกคุณป้าก็อายุ 60 แล้ว กับสาวที่สองคุณน้าก็ 50 กว่า ต้องเลือกโรงแรมที่สะดวกหน่อย เลยตัดสินใจเลือกที่ V-Hotel Lavender สะดวกสุดๆก็ตรงที่มี MRT อยู่ใต้โรงแรมเลย ซึ่งก็สมกับราคาห้องพัก 3 คน ตกคืนล่ะ 5,000 บาท อยู่ที่นี่กัน 4 คืนรวดค่ะ ^^

โรงแรมนี้ยังเปิดตัวได้ไม่นาน ราคาก็ค่อนข้างแพงกว่าโรงแรมขนาดเดียวกัน แต่ข้อดีคือสะดวกสบายในการเดินทาง มีศูนย์อาหาร และความปลอดภัยสูง แถมอีกอย่างคือรีเซฟชั่นหล่อมากกกกกก 555 ประมาณว่ายังกับนักร้องเกาหลี ผู้ชายล้วนๆ ยืนรอกันอยู่ 4-5 เค้าเตอร์ และจริงๆแล้วการใช้ Wifi ที่โรงแรมนี้ต้องจ่ายต่างหาก แต่แบบว่าพักหลายคืน ขอฟรีได้ไหม น้องสุดหล่อก็ให้ค่ะ แหะๆ ^^"

วิวจากห้องพักในตอนเช้าอีกวันค่ะ ^^

ห้องพักค่อนข้างแคบค่ะ แต่สะอาด (ในรูปคือสภาพระเบิดกระเป๋ากันแล้ว ^^" ) ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น 


ห้องน้ำเล็กกะทัดรัด กั้นเป็นตู้อาบน้ำ น้ำอุ่นพุ่งจากฝักบัวแรงมากกกกกกก - -"


หลังจากพักผ่อนเต็มที่จากการเดินทางเมื่อคืนแล้ว เช้าวันนี้เราก็พร้อมลุยกันเลยค่าาาา คิดเอาไว้ว่ามื้อเช้านี้ต้องดิ่งมาที่ Maxwell Road Hawker Center ศูนย์อาหารขนาดใหญ่ย่านไชน่าทาวน์ มีกว่า 100 ร้าน ที่สำคัญคือมีร้านดังๆ ขนาดที่ห้ามพลาดอยู่ในลิสท์ที่ต้องมา หลายร้านค่ะ 

ขึ้น MRT มาลงสถานี Chinatown (NE4) ทางออก A แล้วเดินผ่านย่านการค้ามาจนถึงถนน South Bridge ค่ะ

ตัวหนังสือภาษาจีนที่ MRT ทำให้มั่นใจว่ามา Chinatown ถูกล่ะ ^^

คนจีนเป็นประชากรที่มากที่สุดในสิงคโปร์ ดังนั้นย่านไชน่าทาวน์จึงเป็นย่านที่คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นหน้าเป็นตาของสิงคโปร์ได้เลยค่ะ ^^



Shophouse สวยๆ สีสันคัลเลอร์ฟูล ^^

Chinatown Heritage Centre เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นถึงชาวจีนที่อพยพเข้ามาค่ะ มีทั้งภาพถ่าย โมเดลจำลองความเป็นอยู่ อุปกรณ์เครื่องใช้ และในส่วนของชั้นที่ 1 มีร้านอาหารเปิดให้บริการด้วย

แต่.......เราไม่ได้เข้าไปค่ะ!!! เขาปิดปรับปรุง T_T



Buddha Tooth Relic Temple & Museum (วัดพระเขี้ยวแก้ว) เป็นวัดพุทธขนาดใหญ่ถึง 4 ชั้น ที่มีสถาปัตยกรรมของจีนสมัยราชวงค์ถัง ประดิษฐานรูปปั้นพระพุทธรูปกับพระบรมสารีริกธาตุ และมีส่วนของพิพิทธภัณฑ์พระพุทธศาสนาด้วยค่ะ

ด้านหลังวัดพระเขี้ยวแก้วค่ะ

และแล้วเราก็มาถึงจุดมุ่งหมาย ศูนย์อาหาร Maxwell จะอยู่เยื้องๆกับวัดพระเขี้ยวแก้วค่ะ มาที่ล๊อค 10-11 ข้าวมันไก่ชื่อดังห้ามพลาด ร้าน Tian Tian Hainanese และด้วยความที่กลัวจะต้องรอต่อคิวยาว พวกเรามาตั้งแต่ไก่โห่ค่ะ จองโต๊ะหน้าร้าน นั่งรอร้านเปิดกันเลยทีเดียว ^^" 

ขอเตือน!!!  จานนึงใหญ่ขนาดทานได้ 2 คน ตอนซื้อคุณป้ากลัวว่าถ้าอร่อยแล้วจะต้องไปต่อคิวนานซื้อใหม่ ป้าจัดมา 3 จาน!!! กินไม่หมดสิคะ - -" 

และด้วยความเสียดายของเรา (ป้าบอกให้ทิ้งก็ได้) ให้ทางร้านแพ๊คใส่กล่อง แล้วเราก็ถือข้าวมันไก่ 2 กล่องใหญ่เดินเที่ยวทั่วสิงคโปร์ 1 วันเต็ม สุดท้ายก็ต้องเอากลับไปทิ้งที่โรงแรม - -"

ช่วงที่คุณป้ารอซื้อข้าวมันไก่ เราก็มาต่อคิวร้านโจ๊กคิวยาวหางว่าว ชื่อร้าน Zhen Zhen Pork Porridge ยืนรอก็แค่ชั่วโมงกว่าๆ เองค่าาาา - -"

คือที่นี่เนี่ย ร้านดังอร่อยจริง คิวจะยาวแบบนี้ ซึ่งก็จะไม่ใช่ทุกร้านค่ะ

ป้ายบอกราคาค่ะ มี 3 ไซส์ ขอเตือนอีกว่า ไซส์เล็กสุดก็พอค่ะ เราสั่งไซส์ใหญ่ไป ทาน 3 คน ไม่หมดอีกแล้ว - -"


เสน่ห์ของโจ๊กร้านนี้คือ ข้าวกำลังหนืดพอดี ไม่เนียนเกินไป ใส่เครื่องเยอะ อร่อยสมกับที่ยืนรอคิวจนเมื่อยเลยค่ะ

อีกหนึ่งเมนูจากร้านโจ๊กคือ Raw Fish Salad เป็นสลัดปลาดิบ บีบมะนาวอีกนิด อร่อยมากกกกกค่ะ เห็นสั่งกันทุกคนก็เลยลองสั่งตามดู จานนี้ให้ผ่านเลยนะ ^^

หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมขึ้น MRT มาเริ่มเที่ยวแถวๆ Marina Bay กันค่าาา ^^

ตรงนี้เป็นริมแม่น้ำสิงคโปร์ช่วง Boat Quay ไปจนถึง Fullerton ค่ะ

People of the river เป็นรูปปั้นที่สร้างจากทองแดงขนาดเท่าตัวจริง ที่แสดงชีวิตในยุคต่างๆของสิงคโปร์ค่ะ

Fullerton เป็นโรงแรมสุดหรูใกล้อ่าวมารีน่า ความโดดเด่นอยู่ที่สถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคค่ะ

เป็นเรือที่ใช้ทัวร์ทางน้ำค่ะ เคยขึ้นเมื่อตอนที่มาครั้งแรก จะมีคำบรรยายถึงสถานที่ต่างๆ สองข้างริมฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์ มีภาษาไทยด้วยค่ะ 

Cavenagh Bridge เป็นสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำสิงคโปร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศเลยนะ


เดินมาถึงบริเวณอ่าว Marina แล้ววววว เห็นตึก Marina Bay Sand อยู่ไกลๆ


และนี่คือ Merlion ตัวจริงดั้งเดิม ตัวเล็กน่ารัก สูงแค่ 2 เมตร!!! ส่วนตัวใหญ่ที่ใครๆชอบไปถ่ายรูปกันยืนหันหลังอยู่ตรงโน้นนนน เป็นตัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ค่ะ

8 ปีที่แล้วที่มา ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวจริงยืนอยู่ตรงนี้ มาคราวนี้เลยต้องมาเจอให้ได้ ^^"

วันแรกก็เดินกันจนขาลากแล้วววววว >< เดินข้ามมาอีกฝั่งล่ะ

Esplanade สถาปัตยกรรมหนามทุเรียน เป็นโรงละคร ที่แสดงคอนเสิร์ต และห้างรวมอยู่ด้วย คราวที่แล้วมาได้แต่ยืนมองไกลๆ คราวนี้ก็เลยเดินมาชมใกล้ๆ กันค่ะ ^^

Suntec City Mall แวะมาให้ผู้ใหญ่ได้ช้อปปิ้ง ตากแอร์ พักเหนื่อยกันบ้าง เริ่มบ่นกันล่ะ พาเดินไกล ^^"

Charles & Keith แบรนด์สิงคโปร์ที่สาวๆนักช้อปไทยรู้จักดี คือประมาณว่ามาถึงแล้วต้องโกยกลับกันไม่น้อย เพราะราคาที่ถูกกว่า Shop ที่เมืองไทยเยอะ มีทั้งของ Sale และ Collection ใหม่ๆ นักท่องเที่ยวที่มาซื้อที่นี่ยังได้คืนภาษีอีกด้วยค่ะ

Fountain of Wealth น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1998 สิงคโปร์ค่อนข้างเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมาก ซึ่งตรงนี้เป็นกลุ่มตึก Suntec City ก็ถูกออกแบบตามหลักฮวงจุ้ยเช่นกัน สำหรับแท่นวงกลมที่อยู่ภายในน้ำพุ เป็นสัญลักษณ์แทนจักรวาลในศาสนาฮินดู และเป็นตัวแทนของความเป็นหนึ่งเดียวของทั้ง 4 เชื้อชาติในประเทศ ถ้าได้ไปสัมผัสน้ำพุและเดินวนที่ส่วนฐาน เชื่อว่าจะสมหวังตามที่อธิษฐานค่ะ

ตึกสำนักงาน 5 ตึกที่อยู่ล้อมรอบน้ำพุ เป็นเหมือนนิ้วมือทั้ง 5 ของมือข้างซ้าย และมีน้ำพุอยู่ตรงกลางเป็นฝ่ามือซึ่งถือเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งนั่นเอง

หลังจากเริ่มเพลียกันมาทั้งวัน บวกกับถือของมากมาย ก็เลยกลับโรงแรมเอาของไปเก็บ พักผ่อนสักพัก แล้วก็นั่ง MRT กลับมาที่ Marina Bay Sands ค่ะ....และนี่ก็คือความสะดวกของการเลือกโรงแรมใกล้ MRT กับใช้บัตร Singapore Tourist Pass ที่ใช้ขึ้น MRT ได้แบบไม่จำกัดนั่นเองค่ะ ^^

เดินออกจาก MRT สถานี Bayfront (CE1) ทางออก B เดินตรงมาเรื่อยๆ เพื่อมาเที่ยวที่ Garden By The Bay ฝั่ง Bay South กันก่อนค่ะ 

ที่นี่เป็นโครงการใหญ่อีกโครงการหนึ่ง เต็มไปด้วยพืชสวนเขตร้อน ในส่วนของ Bay South จะมี Flower Dome ที่จัดแสดงพืชในแถบเมดิเตอร์เรเนียน และ Cloud Forest ที่จัดแสดงแถบเขาเขตร้อนค่ะ

นี่คือต้น Supertrees คอนเซ็ปต์คือเป็นสวนแนวตั้ง ทำโครงสร้างเหมือนต้นไม้ สูง 25-50 เมตร ปลูกเฟิร์นและพืชจำพวกเถาค่ะ

ทางเดินยกระดับ OCBC Skyway ค่ะ

สิ่งที่เรารอคอยก็คือในช่วงกลางคืน จะเต็มไปด้วยแสงสีตระการตามาก ซึ่งใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน นอกจากนี้ยังมีระบบน้ำหล่อจึงทำให้เกิดความเย็นโดยรอบบริเวณอีกด้วยค่ะ


ในคืนที่ไปมีเด็กๆมาร้องเพลงประสานเสียงในสวนอีกด้วย บรรยากาศโรแมนติคขนาดนี้ ถ้ามีแฟนไปด้วย คงฟินไม่น้อย ^^"

ค่ำจนเกือบได้เวลาแสดงโชว์แสงสี Wonder Full ที่อ่าว Marina ก็เลยต้องรีบเดินออกมากันล่ะค่ะ

เดินผ่านเข้ามาในตัวตึก Marina Bay Sands เพื่อหาทางออกไปด้านหน้าบริเวณอ่าวกันค่ะ

กว่าจะเดินทะลุออกมายืนด้านหน้าได้ หลงสิคะ เดินอ้อมไกลมากกกก ลงบันไดหนีไฟ ทั้งเดินทั้งวิ่งเพราะกลัวไม่ทันการแสดงที่กำลังจะเริ่มแล้วววววว 

ดูจากโลเคชั่นที่เราถ่ายรูปสิคะ เดินหลงจนมายืนอยู่ตรงข้ามกับประชาชนที่เค้านั่งกันเป็นระเบียบรอดูการแสดงอยู่ตรงโน้นนนน ><"

และเราก็มายืนตั้งหลักปักฐานรอดูแสงสีกันที่นี่ค่ะ ^^

จาก Shop ของ Louis vuitton พวกเราก็สามารถยืนชมแสงสีกันได้อย่างชัดเจน (กว่าคนที่นั่งตรงโน้นอีกนะ) ^^

จบการแสดงแสงสี พวกเราก็หมดเรี่ยวแรงจะเดินอีกต่อไป เพราะเมื่อกี้วิ่งกันเหนื่อยมากกกก หาทางกลับโรงแรมกันเลย ก็แวะถ่ายรูป The Helix Bridge ได้แค่รูปเดียว (ที่สั่นเบลอมาก) --" ที่นี่เป็นสะพานโค้งที่มีโครงสร้างแบบเกลียวคู่แห่งแรกในโลก ใครมาไม่ควรพลาดที่จะเดินข้ามไปถ่ายรูปอีกฝั่งของสะพาน เพราะจะได้วิวอ่าวสวยๆ และในตอนกลางคืนสะพานนี้แสงไฟจะสวยมากค่าาา 

แถมอีกรูป ถ่ายตอนมาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรายืนดูการแสดงแสงสีจากฝั่ง Merlion Park ค่ะ ^^

ขากลับมาโรงแรม ที่สถานี MRT มีร้าน Jollibean เป็นร้านที่ขายเมนูทำจากถั่วเหลืองค่ะ

ลองซื้อ Pancake กับ พุดดิ้งมาชิมกันค่ะ อร่อยดีนะ ^^

ออกจากสถานี MRT ทางเดินด้านล่างติดกับโรงแรมจะเป็นศูนย์อาหารมากมาย น่าทานทั้งนั้นเลยยยยย แวะหาอะไรทานกันก่อนขึ้นห้องพักค่ะ ^^

มื้อเย็นวันนี้ ชามแรกคือเราจะคีบวัตถุดิบที่เราอยากจะทานเอง เขาก็จะเอาไปลวกๆใส่น้ำซุปมาให้แบบนี้ค่ะ

และเมนูที่ต้องลองอีกอย่างเมื่อมาสิงคโปร์ก็คือ ขนมผักกาด มีให้เลือก 2 แบบคือใส่ซีอิ๊วดำหรือไม่ใส่ ก็สั่งมาชิมทั้ง 2 แบบเลยค่ะ อร่อยดีนะ 

แวะซื้อผลไม้กลับไปทานที่ห้องพักกันค่ะ แช่เย็นๆ สดชื่นนนนน ^^

ในการเที่ยววันแรก ยังพลาดสถานที่ๆอยากไปอีกเยอะ ครึ่งนึงได้เลย - -" โดยเฉพาะพวกพิพิทธภัณฑ์ วัด มัสยิด สวนสาธารณะ แต่เพราะมากับคุณป้าและคุณน้าสายช้อปปิ้ง ก็เลยต้องตามใจเค้า ใช้เวลาหมดไปกับการช้อปค่อนข้างเยอะ ไว้มีโอกาสค่อยกลับมาเที่ยวเองดีกว่าค่ะ ^^" 

ติดตามชม Singapore Part 2 เร็วๆ นี้ค่ะ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น