ดาลัต เป็นเมืองกลางหุบเขาที่ปกคลุมด้วยป่าต้นสนบนที่ราบสูง มีความสูงประมาณ 2,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จึงทำให้เมืองนี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ประมาณ 17 องศาเซลเซียส
ความโรแมนติคของเมืองดาลัตจนได้รับฉายาว่าเป็น "ปารีสแห่งอินโดจีน" เนื่องจากในอดีตฝรั่งเศษได้เข้ามาพัฒนาดาลัตให้เป็นเมืองตากอากาศ อาคารสิ่งก่อสร้างของเมืองนี้ทั้งโรงแรม อาคารบ้านเรือนจึงก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศษ มีสีสันคล้ายเมืองในเทพนิยาย
ด้วยความที่ดาลัตเต็มไปด้วยสวนสวย อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะคู่แต่งงานเวียดนามมักจะนิยมมาฮันนีมูนกันที่เมืองโรแมนติคแห่งนี้ค่ะ
เราโดยสารมาด้วยรถนอนจากโฮจิมินห์ประมาณเที่ยงคืน นอนจริงๆนะ เหยียดขาสบายเหมือนนอนบนเตียงเลยค่ะ มาถึงดาลัตก็เช้าพอดี ^^
และด้วยความประมาทในความหนาวของดาลัต คิดเองเลยว่าจะหนาวได้สักแค่ไหน ก็แค่เวียดนามใต้ (ที่โฮจิมินห์ร้อนตับแล่บเลยนี่นา) ก็เลยใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงเลคกิ้ง พอลงรถมาเท่านั้นแหละ นึกว่าอยู่ยุโรป หนาวมากกกกกก ปากสั่นฟันกระทบกันแบบหยุดไม่ได้ รีบควานหาเสื้อแจ๊คเก็ตในกระเป๋าเป้แทบไม่ทัน T_T
บรรยากาศริมทะเลสาบที่ดาลัต เย็นหน้าชาดีค่ะ ^^"
ที่แรกมาแวะกันท่ี พระราชวังฤดูร้อนแห่งเมืองดาลัต (Bao Dai 's Summer Palace) ของกษัตริย์บ๋าวได๋ ผู้เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 13 และกษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม กษัตริย์บ๋าวได๋เติบโตเล่าเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศษเป็นเวลานาน จนเมื่อเกิดการปฏิวัติจนต้องลี้ภัยที่ฝรั่งเศษและไม่มีโอกาสกลับมาเวียดนามอีกเลย
จักรพรรดิบ๋าวได๋ชื่นชอบเมืองดาลัตมาก จึงสร้างพระราชวังที่ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศษในสมัยที่ฝรั่งเศษเรืองอำนาจในเวียดนาม รูปแบบและสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลสไตล์ฝรั่งเศษค่ะ
จากพระราชวังเราก็มาต่อกันที่ หุบเขาแห่งรัก (Valley of Love) อยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบมาฮวาง มีลักษณะเป็นหุบเขา มีทะเลสาบอยู่ตรงกลาง บรรยากาศแบบว่าความรักอบอวลมากค่ะ ^^"
ที่นี่มีนิทานแห่งรักด้วยนะ เล่ากันว่าสถานที่นี้เคยเป็นสถานที่แห่งความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ระหว่างทหารหนุ่มกับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงที่ทหารหนุ่มต้องไปทำการรบกับข้าศึกชาวจีนมองโกเลีย โดยทั้งสองสัญญาว่าเมื่อชายหนุ่มกลับมาตามเวลาที่นัดหมาย ก็จะแต่งงานกัน แต่เมื่อถึงเวลานัดหญิงสาวก็ไปรอชายหนุ่มที่หุบเขาแห่งนี้ แต่ชายหนุ่มไม่ได้กลับมาตามนัด ทำให้หญิงสาวโศกเศร้าเสียใจ คิดว่าชายหนุ่มตายไปในสนามรบแล้ว จึงกระโดดหุบเขาฆ่าตัวตายที่นี่ สุดท้ายชายหนุ่มกลับมา และทราบข่าวคนรักของตัวเอง จึงฆ่าตัวตายตามไปในที่สุด T_T
ระหว่างเส้นทางเที่ยว ก็จะได้แวะชิมและซื้อผลไม้อบแห้ง ชาอาร์ติโซ กาแฟ หรือไวน์แดงของฝากเมืองดาลัตกันค่ะ
มาต่อกันที่น้ำตกดาตันลา (Datanla waterfall) อยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัตประมาณ 7 กม. ที่นี่มีกิจกรรมและเครื่องเล่นต่างๆ ในแต่ละชั้นของน้ำตก เช่นรถราง ปีนเขา เราเลือกเล่นรถรางค่ะ สนุกมากกกก (หารูปไม่เจอ ถ่ายแต่เป็นคลิปเอาไว้) ใครมาห้ามพลาดเลยนะ
เดินทางกันต่อที่วัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda) ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่นิกายเซน บรรยากาศของวัดตั้งอยู่บนเนินเขาของเมืองดาลัตเหนือทะเลสาบเตวียนลาม มีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด โดยรอบยังเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่อุดมสมบูรณ์
เมืองนี้ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายเช่น ตลาดเช้าดาลัต เครซี่เฮ้าส์ เจดีย์มังกร ยอดเขาลังเบียง กระเช้าชมเมืองดาลัต ทะเลสาบเตวียนลาม สถานีรถไฟดาลัต ซึ่งควรจะใช้เวลาที่เมืองนี้สัก 2 วัน ก็สามารถเที่ยวได้ครบค่ะ
ขอจบทริปเมืองโรแมนติคเพียงเท่านี้ค่า ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น