วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559

Cameron Highlands - Malaysia

คาเมร่อนไฮแลนด์ รัฐปาหัง 

เป็นเมืองที่ใช้เวลาตัดสินใจจะมา แค่วันเดียวเอง!!! เหตุผลเพราะถ้ำ Gua Tempurung จุด unseen ที่ตั้งใจจะไป ปิดช่วงนี้ชั่วคราว T_T คาเมร่อนไฮแลนด์คือแผน B 

สอบถามเจ้าหน้าที่ตรง Ipoh Tourist Information Center ได้ความว่า เราต้องเดินมาขึ้นบัสที่ Medan Kidd Bus Station ถ้าเริ่มจากสถานีรถไฟอิโปห์ ออกมาจากสถานีให้เลี้ยวขวาเดินตามถนนหลักมาประมาณ 700 เมตร จะผ่านสถานีตำรวจอยู่ซ้ายมือ จนมาถึงวงเวียน เลี้ยวขวาอีกทีก็จะเห็นสถานีรถบัสล่ะค่ะ
  
ช่องที่ขายตั๋วไปคาเมร่อนไฮแลนด์ค่ะ หาไม่ยาก เดินเข้ามาประมาณบล๊อคที่สอง อยู่ด้านขวาสุดเลย

ช่วงเวลาเดินทางขาไป อิโปห์ - คาเรร่อนไฮแลนด์ มี 4 รอบตั้งแต่ 8.00, 11.00, 15.00 และรอบสุดท้าย 18.00  ส่วนขากลับก็จะเป็นช่วงเวลาเดียวกับขาไปค่ะ

ได้ตั๋วมาแล้ว หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ ของ Perak Transit จะระบุที่นั่งให้แล้ว

แต่....เราก็เพิ่งจะทราบเดี๋ยวนั้นเองค่ะ ว่าต้องนั่งรถเมล์สาย 116 จากที่นี่ไปขึ้นรถที่สถานี Amanjaya ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 30 นาที!!! 

ตอนนั้นรู้สึกขอบคุณตัวเองมากๆ ที่มาก่อนเวลาเกือบชั่วโมง ทำให้มีเวลาพอที่จะไปทันขึ้นรถ โดยคนขายตั๋วก็จะเขียนหมายเลขรถกับเบอร์ช่องขายตั๋วไว้ด้านหลัง เราโชว์ตั๋วนี้ไม่ต้องเสียค่ารถเมล์ค่ะ

บรรยากาศบนรถเมล์

30 นาทีผ่านไป มาถึงล่ะ สถานี Amanjaya ที่นี่จะใหญ่กว่า มีร้านค้ามากมายเลย

ต่อไปเราต้องมาเดินหาบูธ D3 ขอบอกว่าหายากมากกกก วิ่งหากับคนมาเลเซียอีกคน ถามคนแถวนั้นก็แล้ว ยังไม่เจอ...พอเดินเจอล่ะ เราก็รีบมาถ่ายรูปไว้ทำรีวิวกันเลยค่ะ ><

เราจะลงรถบัสที่ชั้นสอง หลังจากนั้นเดินลงบันไดเลื่อนมา

ลงบันไดเลื่อนมาแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายมาทาง G1 ค่ะ

D3 จะอยู่ด้านหลังตรงนี้ เอาตั๋วให้พนักงานดู เค้าจะบอกเราว่าให้ไปรอรถตรงไหนค่ะ

มานั่งรอตรงนี้หล่ะ

รถมาล่ะ เลทไป 40 นาทีแน่ะ!!!


เอาล่ะ ขึ้นรถมาแล้ว ได้นั่งหน้าวิวดีเลย คนขับซิ่งมากกกกกก....คือนี่ทางขึ้นเขานะ เหวี่ยงทางโค้งกันแบบไม่มีเบรค แถมพี่แกยังแกะขนมกิน คุยโทรศัพท์ ในระหว่างขับรถเฉยเลย!!! - -"

อ่ะ มาเล่าเรื่องคาเมร่อนไฮแลนด์กันสักนิด ก่อนไปเที่ยวกัน...

คนที่นั่นทำการเกษตรปลูกพืชเมืองหนาว พวกผัก ผลไม้ มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี (ยกเว้นวันที่เราไป!!!) เป็นฟาร์มปิดซะส่วนใหญ่ แต่จะมีจุดที่เป็นฟาร์มเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเที่ยวชมกัน มีทั้งไร่ชา สวนสตรอเบอร์รี่ ฟาร์มผีเสื้อ ฟาร์มผึ้ง สวนกุหลาบ สวนกระบองเพชร ฯลฯ

วิวระหว่างทาง...จริงๆถ่ายวีดีโอมาด้วย ให้ดูว่าโชเฟอร์เราซิ่งแค่ไหน - -"

ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เราก็มาถึง Tanah Rata Bus Terminal เป็นสถานีสุดท้าย และสำหรับคนที่มาเที่ยวแบบ One day trip ให้ซื้อตั๋วขากลับไว้เลยค่ะ เราวางแผนจะเที่ยวที่นี่ประมาณ 3 ชม. ก็ซื้อตั๋วรอบบ่าย 3 ไว้แล้วก็ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ในห้องขายตั๋วได้เลย

ตั๋วขากลับจะแพงกว่าขามานิดหน่อยค่ะ เพราะรถดีกว่า

3 ชม. ที่นี่เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการงมทางเอง เราเหมาแท็กซี่เที่ยวค่ะ คนขับก็คอยเป็นไกด์ให้ด้วย และถ้าเหมาเที่ยวแบบนี้ ต้องคิดราคาอย่างต่ำ 3 ชม. เป็นราคามาตรฐาน มีคิวรถ ป้ายแจ้งราคาชัดเจน อยู่ตรงสถานีบัสที่เราลงเลยค่ะ

คนขับรถและไกด์ของเราวันนี้...พี่แกโอเคเลยนะ ภาษาอังกฤษฟังง่าย ใจเย็น คอยถามไถ่ ว่าสนุกไหม ชอบที่นี่ไหมไรงี้ : )

เอาล่ะ มาเริ่มเที่ยวที่แรก กับไร่ชาสีเขียวๆ ท้องฟ้าใสๆ ของคาเมร่อนไฮแลนด์กันค่ะ :D

"Boh Plantation" เป็นไร่ชาใหญ่มากกกกกกก โรงงานผลิตชา และมีคาเฟ่ที่สร้างยื่นออกไปชมวิวของภูเขาไร่ชา ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย

คนขับรถเล่าให้ฟังว่านี่เป็นการปลูกชาแบบดั้งเดิม แล้วถามกลับมาว่าบ้านเราปลูกแบบนี้ไหม...เท่าที่เคยเห็น ที่แม่ฮ่องสอนกับเชียงราย ก็ไม่เหมือนนะ บ้านเราปลูกเป็นแถวเดียวยาวๆ สวยเหมือนกัน แต่ไม่กว้างขวางยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้

นี่คือจุดที่หลายคนเห็นรูปแล้ว เกิดแรงบันดาลใจให้มาที่นี่ ก็คือคาเฟ่ที่ยื่นออกไปท่ามกลางวิวไร่ชาสวยๆแบบนี้

ทางเดินไปที่คาเฟ่ค่ะ

ระหว่างทางเดิน ก็จะมีป้ายโชว์ประวัติความเป็นมาของที่นี่ไว้ด้วยนะ

มาถึงคาเฟ่ล่ะ มีขายพวกเค้ก ขนมปัง แซนวิช เครื่องดื่มทั่วไปค่ะ

ก็เลยต้องสั่งเค้กชาเขียวกับชาร้อนให้เข้ากับบรรยากาศ

วิวจากคาเฟ่ค่ะ



เดินอ้อมมาด้านหลัง มุมนี้สวยนะ คนขับรถของเราชี้เป้ามาให้ :D



แล้วเราก็เดินย้อนมาที่โรงงานผลิตใบชากันต่อค่ะ

เดินเข้าไปข้างในเองได้เลย ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ค่ะ

ก็จะมีจัดแสดงเครื่องมือเกี่ยวกับการเก็บ การผลิตชาอะไรประมาณนี้ค่ะ

ออกมาจาก Boh Plantation แล้ว แอบบ่นกับคนขับรถว่าไม่มีที่ให้เดินลงไปถ่ายรูปใกล้ๆ ไร่ชาเลย ปิดซ่อมทางเดินซะหมด พี่แกเลยหาที่จอดรถข้างทาง จัดให้เราได้เดินถ่ายรูปกันเต็มที่เลย






มาต่อกันที่ "Butterfly Farm & Butterfly Garden" ไฮไลท์ของที่นี่คือผีเสื้อราจาบรูค (Raja Brooke Butterfly) ค้นพบโดยเซอร์เจมส์ บรูค ในป่าดิบบนเกาะบอร์เนียวของมาเลเซีย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนที่ใกล้สูญพันธุ์ค่ะ

อย่าถามว่าตัวไหน....ไม่รู้เหมือนกันค่ะ 555




ความคิดเห็นส่วนตัว...ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไร ผีเสื้อก็โดนตาข่ายขังมันไว้ ไม่ตื่นเต้นเท่ากับที่เราได้เห็นมันอยู่ตามธรรมชาติเหมือนที่เมืองไทย มีงูโชว์อยู่ในตู้ มีกบ คางคก กระต่าย กับดอกไม้เมืองร้อนทั่วไป ที่เราคุ้นตา

ฟาร์มต่อไป "Rose Valley" ที่นี่มีดอกกุหลาบเกือบ 100 สายพันธุ์ สีแปลกๆ อย่างเขียว ดำ น้ำเงิน (คนถ่ายรูปเยอะ เราก็ข้ามๆไป ไม่ได้สักรูป) มีพันธุ์ดอกใหญ่ๆ พันธ์ุไม่มีหนาม ให้ชมค่ะ

สถานที่ไม่ได้กว้างใหญ่อะไร ออกจะแคบไปด้วยซ้ำ ต้องเดินเป็นขั้นบันไดปีนขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะไม่ใช่พื้นที่ราบ

ฟาร์มกุหลาบที่แทบจะหาดอกสวยๆถ่ายรูปไม่ได้ล่ะ น่าจะเป็นเพราะอากาศที่ร้อนมากค่ะ ><"


ด้วยความที่กุหลาบก็งั้นๆ เลยมาหานั่งถ่ายรูปกับรูปปั้นเล่นค่ะ 555


ที่สุดท้ายล่ะ....แอบบอกดังๆ ว่าชอบฟาร์มนี้ที่สุดบนคาเมร่อนไฮแลนด์ ^^

"Big Red Strawberry Farm" เป็นสวนสตรอเบอร์รี่และผัก Hydroponics ที่มีให้เดินชม มีแบบขายสด และแปรรูปมากมาย ที่สำคัญคือ มันถูกมากกกก มีเมนูเช่น ช๊อคโกแลตร้อน มัฟฟิน ไอศกรีม ขนมปัง สลัดตักเองไม่ต้องยั้ง มิลค์เชค โยเกิร์ตปั่น แพนเค้ก ชีสเค้ก ฯลฯ ที่ทำจากสตรอเบอร์รี่ทั้งหมด ในราคาประมาณ 40-60 บาทเองค่ะ 🍓🍓🍓

ฟาร์มนี้เข้าฟรีด้วยนะ 👍🏻




น่ากินๆ

ที่ปลื้มมาก เพราะเราชอบทานผัก ผลไม้อยู่แล้ว แต่ช่วงเดินทางเนี่ย จะไม่ค่อยได้ทานของพวกนี้เท่าไร...มันก็เลยท้องผูกอยู่บ่อยๆ ^^"

โมเม้นท์ที่ได้กินสลัด กับน้ำสตรอเบอร์รี่สดๆ ท่ามกลางสวนผักไฮโดรสวยๆ อากาศกำลังดีในตอนนั้น....มันฟินสุดๆไปเลยยย :D


ทุกเมนูทำจากสตรอเบอร์รี่หมดเลย 🍓🍓🍓

เวลาออเดอร์ ดูรูปล่ะให้จำหมายเลขไปบอกที่เค้าเตอร์แคชเชียร์ได้เลยค่ะ
 
ไอติมสตรอเบอร์รี่ 

จบ 3 ชม. ที่คาเมร่อนไฮแลนด์ กลับมาถึงสถานี รถก็มารอรับล่ะค่ะ

เบาะใหญ่นั่งสบายกว่าตอนขามา แพงกว่าด้วย ^^"

สำหรับคาเมร่อนไฮแลนส์อาจจะไม่น่าสนใจ ใครๆก็บอกว่าไม่ค่อยมีอะไร (แม้แต่คนมาเลเซียเอง) แต่ก็ขอมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเองดีกว่า และไม่ว่าจะยังไง เจอวิวไม่ปัง อาหารไม่อร่อย ที่เที่ยวก็งั้นๆ แต่เราเชื่อว่า นักเดินทางตัวจริงมักจะมีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ รอบตัวได้เสมอค่ะ ^^

แต่นอกจากที่โพสมาทั้งหมดในคาเมร่อนไฮแลนด์ ยังมีฟาร์มผึ้ง ฟาร์มกระบอกเพชร ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีการเกษตร และวัด ซึ่งเราไม่ได้ไป...ถ้าใครได้ไป ถ่ายรูปมาฝากด้วยน้า

และถ้ามีเวลาหรือค้างคืน ก็จะมี Night Market กับ Market Square ที่ขายผลผลิตท้องถิ่นพวกผัก ผลไม้ให้ได้เดินซื้อกันค่ะ

ค่าใช้จ่าย อิโปห์ - คาเมร่อนไฮแลนด์
- ซื้อตั๋วที่สถานีรถบัส Medan Kidd Bus ราคา 18.50 ริงกิต (165 บาท) และขึ้นรถบัสสาย 116 (ฟรีสำหรับคนที่ซื้อตั๋วไปคาเมร่อนของ Perak transit) อีกประมาณ 8 กม. ถึงสถานี Amanjaya ต่อรถไปคาเมร่อนไฮแลนด์ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.
- เหมาแท๊กซี่ต่อ ชั่วโมงล่ะ 25 ริงกิต แต่ต้องเหมาอย่างต่ำ 3 ชม. 75 ริงกิต (670 บาท) นั่งได้ 3-4 คน เที่ยวได้ประมาณ 5 จุด ก็หมดเวลาล่ะ
- มีผัก ผลไม้ เค้ก ชา ขายตามฟาร์มที่เราไปเที่ยว วันนี้กินไป 25 ริงกิต (223 บาท)
- ค่าเข้าฟาร์มผีเสื้อ กับสวนกุหลาบ ที่ล่ะ 5 เป็น 10 ริงกิต (90 บาท)
- ขากลับเหมือนเดิม แต่ตั๋วแพงกว่าเดิมเป็น 22.30 ริงกิต (200 บาท) เพราะรถนั่งสบายกว่านิดนึง มาลงสถานี Amanjaya แล้วต่อรถบัสฟรีสาย 116 เข้ามาในเมืองที่สถานี Medan ค่ะ
- อาหารเย็นที่ Old Town White Coffee ตรงข้ามสถานีรถไฟ 11 ริงกิต (98 บาท)

จบ One day trip ที่คาเมร่อนไฮแลนด์ จะมาเดินเล่นต่อในเมืองอิโปห์หรือต่อรถไฟไปกัวลาลัมเปอร์หรือปีนัง เดินมาสถานีรถไฟอีกแค่ 10 นาทีเองค่ะ ^^

พูดคุยกันได้ที่ Fanpage : https://www.facebook.com/Mytravelholicdiary/ 
IG : my_travelholic_diary

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น