วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Siem Reap - Cambodia

กัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านใกล้กันนิดเดียว ที่หลายคนไม่ได้สนใจ อาจจะเพราะภูมิประเทศที่เหมือนบ้านเราทุกอย่าง แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้ข้ามน้ำข้ามทะเลมา ก็คือร่องรอยอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ของชาวขอมโบราณ อย่างนครวัด นครธม ที่เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน ถึงกับมีคำกล่าวของ อาร์โนลด์ ทอยน์บี นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่โด่งดังไปทั่วโลกว่า "See Angkor Wat and die" ที่พูดถึงความยิ่งใหญ่งดงามของนครวัดนั่นเอง 

นครวัด นครธม ตั้งอยู่ในเมืองเสียมเรียบ ซึ่งในปี 2015 ได้รับการโหวตจากเวปท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Tripadvisor ว่าเป็นเมืองอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับสองของโลก ที่เป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางทั่วโลกด้วยนะ....ตามไปเที่ยวกันเลยค่าาาา :D

เตรียมตัว...

1. แผนการเดินทาง 2 วัน
Day 1 นครธม (ปราสาทตาพรหม ปราสาทบายน เขตพระราชวังหลวง ปราสาทพิมานอากาศ ลานช้าง ฯลฯ) และนครวัด กลางคืนชมการแสดงระบำนางอัปสรา
Day 2 ออกนอกเมืองไปกบาลสะเปียน กลับมาช่วงบ่ายที่ ปราสาทบันเตียสะเรย และปราสาทเปรี๊ยะคัน

จริงๆแล้วควรจะมีเวลาเที่ยวเมืองเสียบเรียบ 3-5 วันค่ะ อย่างที่บอกว่าอาณาจักรขอมยิ่งใหญ่มากๆ แต่เรามีเวลาแค่ 2 วัน ก็เลยต้องเก็บเฉพาะที่สำคัญๆ ค่ะ

2. การเดินทางมากัมพูชา
ซื้อตั๋วเครื่องบิน ดอนเมือง-เสียมเรียบ บินชั่วโมงเดียวก็ถึง แต่เราซื้อตั๋วมาลงเที่ยวที่พนมเปญก่อน แล้วนั่ง Sleeping bus มาเสียมเรียบ ใช้เวลาประมาณ 7 ชม.ค่ะ

ทางไปจอง >>> http://www.airasia.com

3. การเดินทางในตัวเมืองเสียมเรียบ
เราใช้บริการรถตุ๊กๆแบบเหมารายวันค่ะ แนะนำชื่อเป่ยหรือจะเรียกว่า Alex ก็ได้ เด็กหนุ่มที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี สุภาพ ไม่เรื่องมาก พาเที่ยวตามที่เราต้องการ เดินเที่ยวมาเหนื่อยๆ เป่ยจะแช่น้ำเย็นๆ ไว้คอยให้ด้วย เป็นตุ๊กๆที่แนะนำกันมาปากต่อปากเลยนะ :D

ทางไปคุยกับเป่ย >>> https://www.facebook.com/alex.pov.9?fref=ts

4. ที่พัก
ที่พักในเสียมเรียบมีเยอะมากกกกก ราคาตั้งแต่ เกสต์เฮ้าส์หลักร้อยจนถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว ย่านที่พักให้เลือกที่อยู่ไม่ไกลจากผับสตรีท เพราะแถวนั้นเป็นแหล่งรวมร้านอาหารและช้อปปิ้งค่ะ

ทางไปจอง >>> www.agoda.com , www.booking.com , www.hostelworld.com และ www.angkorhotels.org ที่เน้นเฉพาะห้องพักในเมืองเสียมเรียบโดยเฉพาะ

5. แลกเงิน
ใช้เงิน US Dollar ได้สะดวกทั้งร้านค้า ร้านอาหาร จ่ายค่าโรงแรม ตุ๊กๆ และค่าบัตร Angkor Pass แต่อาจจะได้เงินทอนเป็นสกุลเงินของกัมพูชา เรียกว่า "เรียล (Riel)" มีเฉพาะแบงค์ ไม่มีเหรียญ อัตราแลกเปลี่ยน (ปี 2015) 1 USD ประมาณ 4,000 Riel ค่ะ

ดังนั้นเอาเงินไทยไปแลก US Dollar ได้เลยค่ะ ส่วนตัวคิดว่าไปเที่ยวไม่กี่วัน ใช้เงินหลักพัน แลกที่ธนาคารใกล้บ้านหรือที่สนามบินก็ได้ค่ะ อัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้แตกต่างกันมาก ^^

6. ฤดูกาล
ฤดูร้อน กุมภาพันธ์ - เมษายน 
ฤดูฝน พฤษภาคม - พฤศจิกายน
ฤดูหนาว ธันวาคม - มกราคม 

เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับฤดูกาลนะคะ เราไปหน้าฝน ก็เตรียมเสื้อกันฝน ได้ใช้ตลอดค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงถ้านั่งตุ๊กๆ เพราะมีผ้ายางบังฝนให้เราไม่เปียกค่ะ (แต่คนขับเปียกเละ ><) 

Day 1
01 ก่อนอื่นเลยเราต้องไปซื้อตั๋วเข้าชมปราสาท ที่ Angkor Ticket Center อยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบประมาณ 7 กม. เปิดตั้งแต่เวลา 05.00 - 17.30 แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวคนขับตุ๊กๆจะพาเราไปเองค่ะ

ประเภทตั๋ว 1 วัน 20usd , 3 วัน 40usd และ 5 วัน 60usd เตรียมเงินให้พร้อมกับพาสปอร์ตนะ

เพื่อไม่ให้เสียเวลาเที่ยว ให้ไปแต่เช้าเลยนะ เพราะคนจะเยอะมากกกกกกก

หน้าตาบัตร Angkor Pass ค่ะ ใครอยากได้รูปติดบัตรสวยๆ ก็พกไปเอง แต่ถ้าไม่มี เจ้าหน้าที่ก็ถ่ายให้ฟรีจ้า

ได้ตั๋วกันล่ะ ก็เตรียมลุยกันได้เลย แต่...แอบหิว งั้นก็เติมพลังกันก่อน เจออะไรขายข้างทาง พวกเรากินได้หมดค่ะ 555

มันคือผัดมาม่านั่นเอง กินได้นะ อร่อยๆ และเพื่อไม่ให้เสียเวลา ก็กินกันบนรถนี่หล่ะ !!! 

02 ปราสาทตาพรหม (Prasat Ta Prohm) ที่แรกก็เป็นไฮไลท์ของเราเลย ตามรอยหนังเรื่อง Tomb Rider ค่ะ ;) 

ผู้ที่สร้างปราสาทส่วนใหญ่ของที่นี่คือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ค่ะ ส่วนปราสาทตาพรหมนี้สร้างขึ้นเพื่อุทิศให้กับพระราชมารดานั่นเอง 

ในแต่ละปราสาทมีที่มายาวมากกกก แนะนำให้ซื้อหนังสือ เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุยกัมพูชา ของสำนักพิมพ์ Tip Thai Inter Book ที่เขียนโดยคุณ Kittinew พกติดมือไปด้วย....เล่มนี้ดีที่สุดแล้วค่ะ ^^



จุดนี้คือฉากสำคัญในเรื่อง Tomb Rider ค่ะ ต้องไปแอ๊คท่าเป็น Angelina Jolie ซะหน่อย!!


รากต้นสะปงค่ะ

 จุดเด่นของที่นี่ก็คือจะปกคลุมไปด้วยต้นไม้และรากไม้ขนาดใหญ่ค่ะ

นางอัปสราค่ะ

ตรงนี้เป็นรากต้นสะปงที่มีลักษณะคล้ายสายน้ำไหลค่ะ

จุดห้ามพลาดอีกจุดนะ จุดไดโนเสาร์ค่ะ อยู่ตรงมุมซุ้มกำแพงด้านทิศตะวันตก เป็นไดโนเสาร์คอยาวพันธุ์ "สเตโกซอรัส (Stegosaurus)" ค่ะ

เราเจอคุณลุงคนนี้ในปราสาท จะคอยเดินนำ แนะนำจุดต่างๆให้ ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้ามาในรูปแบบไหน ต้องให้เงินรึเปล่า แต่คุณลุงก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินแต่อย่างใด สุดท้ายลุงก็เดินหายไปเอง....ที่ถ้าไม่เจอคุณลุง ก็คงหาจุดไดโนเสาร์ไม่เจอนะเนี่ย 


03 ปราสาทบายน (Prasat Bayon) เป็นปราสาทขนาดใหญ่หลังสุดท้ายของอาณาจักรขอม หินที่ใช้สร้างจึงมีคุณภาพต่ำกว่าปราสาทหลายหลังก่อนหน้า แต่จุดเด่นของปราสาทบายนคือ หินแกะสลักรูปหน้ากว่า 200 หน้า บนยอดปรางค์ของปราสาทค่ะ

เอกลักษณ์เฉพาะของศิลปะแบบบายน ก็คือรูปแกะสลักใบหน้าขนาดใหญ่บนปรางค์ปราสาททั้ง 4 ทิศค่ะ

ปราสาทบายนไม่ได้ใช้เทคนิคการเหลื่อมหินอย่างนครวัด ปรางค์ปราสาทจึงล้มได้ง่าย จากเดิมมีอยู่ 54 ยอด ถล่มลงมาเหลือประมาณ 50 ยอดค่ะ...รูปนี้จะเห็นการเรียงหินแบบชัดๆ ว่าไม่ได้เหลื่อมกันเลย

นางอัปสรามีทุกที่ค่ะ แต่ใบหน้าและท่าทางก็จะแตกต่างกันออกไป

ภาพแกะสลักนูนต่ำบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมา ที่ยังสมบูรณ์มาก

มีหลายคนบอกว่า ถ้าได้เข้ามาที่นี่ตอนพลบค่ำ คงน่ากลัวสุดๆ เพราะใบหน้าบนยอดปราสาท ที่ดูเหมือนจ้องมองมาที่เราตลอดเวลา = ="

04 ปราสาทบาปวน (Prasat Baphoun) มาถึงเราก็จะเจอทางเดินยกสูงเข้าปราสาทยาววววววไป เรื่องเล่าของที่นี่คือทุกครั้งที่ชนะสงคราม พวกทหารจะขนข้าวของเงินทองมาเก็บไว้ ถึงขนาดว่าสมัยก่อนยอดปราสาทและศิวลึงค์ที่อยู่ภายใน ก็เป็นทองคำด้วยเหมือนกันนะ

จริงๆแล้วก็ควรขึ้นไปชมด้านบนด้วยนะคะ แต่พวกเรามองจากตรงนี้ก็พอ หะๆ ก็จะมีภาพสลักและวิวสวยๆจากด้านบน และที่ต้องทำเป็นรูปพีระมิดให้สูงขนาดนี้ เพราะมีความเชื่อว่าให้ใกล้ชิดกับสวรรค์ ซึ่งเป็นที่สถิตของเทพเจ้านั่นเอง

กองหินจำนวนมาก รอการบูรณะ

05 ปราสาทพิมานอากาศ (Prasat Phimeanakas) เป็นชื่อปราสาทที่ไพเราะที่สุดของนครธมเลย โครงสร้างปราสาทยกสูงซ้อนกันแบบพีระมิด 3 ชั้น ด้านบนสุดเป็นระเบียงคด ใครจะปีนขึ้นไปชมด้านบน ก็ระวังกันด้วยนะคะ เพราะบันไดที่นี่เป็นหินดั้งเดิมและค่อนข้างสูง...และแน่นอน พวกเราไม่ปีนค่ะ แฮ่ๆ

06 เขตพระราชวังหลวง (Royal Palace) ปัจจุบันภายในเขตพระราชวังหลวง เหลือเพียงแต่ฐานที่สร้างด้วยหินเท่านั้น ส่วนตัวอาคารพังทลายหมดแล้ว ส่วนสระน้ำนี้จะอยู่บริเวณรอบๆ ตรงจุดนี้นักโบราณคดีเชื่อว่าสระใหญ่น่าจะเป็นสระสรงน้ำของนางฝ่ายใน ส่วนสระเล็กมีไว้สำหรับข้าราชบริพาร

กำแพงนครธมค่ะ

07 ลานพระเจ้าขี้เรื้อน (Leper King Terrace) ถูกสร้างขึ้นโดยนำก้อนหินมาเรียงจนสูง เป็นทางเดินวกวน ภายในมีภาพแกะสลักมากมาย เพื่อใช้พระราชทานเพลิงพระศพของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ค่ะ

08 ลานช้าง (Elephant Terrace) คือลานหินยกสูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร ตั้งขนานยาวไปกับกำแพงของนครธม เชื่อว่าเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญๆค่ะ

ภาพสลักรูปช้างค่ะ

ภาพสลักครุฑบริเวณฐานลานชัางค่ะ

ใบหน้าบายนบนประตูทางเข้า ออก ของนครธมค่ะ

09 นครวัด (Prasat Angkor Wat) มาถึงไฮไลท์สุดๆ ของทริปค่ะ นครวัด สิ่งมหัศจรรย์ของโลกกกกกกก ใหญ่มากๆค่ะ 

ทางเดินเข้าเรียกว่า "สะพานนาค" ค่ะ


เดินมาตามสะพานและข้ามผ่านซุ้มประตู 3 หลังมาแล้ว ยังเจอทางเดินไปตัวปราสาทอีกสุดลูกลูกตาโน่นนนนค่า

เดินเข้ามาทางด้านซ้ายมือตรงสระน้ำ จะเป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยม

รูปก็จะประมาณนี้ คือต้องถ่ายติดสระน้ำด้านหลังและตัวปราสาทด้วย ^^

กำลังพยายามเล็งอยู่ค่ะ ^^"

ยังเป็นตากล้องมือสมัครเล่น รูปก็เลยออกมาได้แค่ประมาณนี้ค่ะ >< ต้องถ่ายให้ได้เงาสะท้อนยอดเจดีย์ 5 ยอดด้วยนะ

เริ่มเดินเข้ามาใกล้ปราสาทกันแล้ว 


เริ่มต้นเดินจากมุมซ้ายนะ การเดินชมปราสาทให้ดีต้องมีแบบแผน ถ้าเดินเรื่อยเปื่อยไม่ศึกษาไปก่อน อาจจะพลาดจุดสำคัญไป นี่คือปราสาทที่ติดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งไม่ได้มีแค่ความยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดเรื่องราวอีกมากมายค่ะ

ภาพสลักสงครามที่ใช้เวลายาวนานมากของสองพี่น้องตระกูลอารยัน

ทางเดินระหว่างดูระเบียงคดชั้นที่ 1 ค่ะ

การเดินชมภาพสลักนูนต่ำที่ระเบียงคดชั้นใน เป็นไฮไลท์ที่สำคัญของที่นี่ เพราะเต็มไปด้วยรายละเอียดและขนาดใหญ่โต ที่ยังคงความสมบูรณ์ของภาพมากๆ 

พกหนังสือที่บอกไว้ กางดูไปพร้อมๆกับของจริง เดินชมใจเย็นๆ เพราะทุกก้าวที่เดินผ่านไปมีเรื่องราวที่สำคัญทั้งนั้น มาเที่ยวที่นี่ต้องไม่รีบจนเกินไป ไม่ใช่เดินผ่านๆ ให้ครบรอบปราสาท อย่างน้อยก็ควรจะใช้เวลา 2-3 ชม. ขึ้นไปค่ะ 

ภาพนี้เป็นภาพสลักนางอัปราที่มาเป็นหมู่คณะค่ะ อย่างที่บอกว่าถ้าศึกษามาก่อน การได้เดินตามหานางอัปราในเวอร์ชั่นต่างๆ เช่น นางอัปสราทรงผมเซเลอร์มูน นาวอัปสรายิ้มสองแฉก นางอัปสรายิ้มเห็นฟัน นางอัปสราใส่วิกผม ซึ่งว่ากันว่าในปราสาทนครวัด น่าจะมีมากถึง 1,700 องค์ ก็เพลินดีเหมือนกันนะ :D


รูปนี้ถ่ายทางเดินกลับจากตัวปราสาท ออกไปด้านหน้าค่ะ

10 กิน Buffet นานาชาติ ดูระบำนางอัปสรา แนะนำให้มาเลย แล้วก็เป็นกิจกรรมอย่างนึงที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด หลังจากที่ดูภาพสลักนางอัปราตามปราสาทมาทั้งวันแล้ว ก็มาดูตัวจริงกันซะที ราคาไม่แพง ประมาณ 3-4 ร้อยบาท เท่าๆกับราคาบุฟเฟต์เมืองไทย มีการแสดงแบบนี้ให้ชมกันหลายร้านค่ะ หลักการเลือกก็ไม่มี แล้วแต่เป่ย(คนขับตุ๊กๆ) จะพามาแต่ร้านนี้ดูแล้วน่าจะโอเค ดูจากปริมาณคนเยอะมากกกกก 

หน้าตาอาหาร มากมายค่ะ

อะไรไม่รู้ เหมือนขนมครก แล้วก็อาหารเส้นๆ 

สลัดบาร์

กล้วย เผือก มันทอดก็มีนะ 

มินิเบอร์เกอร์กับขนมปังกระเทียม

ของหวานหน้าตาคล้ายๆบ้านเรา กะทิทั้งนั้นนนนน

ไม่สามารถอธิบายได้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้จักวุ้นอยู่อย่างเดียวค่ะ ^^"

การแสดงจะเริ่มมาเรื่อยๆ ทานอาหารไป ดูการแสดงไป เพลินดีเหมือนกันนะ เหมือนได้กับรีแลกซ์ที่ตระเวนเที่ยวเหนื่อยมาทั้งวันค่ะ

นี่คือไฮไลต์ของการแสดง นางอัปสราค่าาาา สวยจริง ทั้งหน้าตา หุ่น เป็นดาราได้เลยนะเนี่ย

Day 2 วันนี้มีออกเดินทางไกลนอกเมือง เป่ยก็เลยต้องแวะเช็คสภาพรถกันก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เป่ยพยายามบอกเราตลอดว่ามันไกลนะ จะไปจริงๆเหรอ เหมือนเป่ยไม่ค่อยอยากไป 555 แต่เราก็จ่ายเพิ่มจากที่ตกลงกันไว้ และยืนยันว่าอยากจะไปให้ได้ เป่ยก็เลยต้องพาไปจนได้ค่ะ ฮ่าๆ ;)

เส้นทางไปกบาลสะเปียน ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบ 45 กม. ท้าลมแดดกันไปเลยยยยค่า....ฝ้ามาเต็ม T_T

11 กบาลสะเปียน (Kbal Spean) มาถึงแล้วก็จะเจอป้ายนี้ เป็นแผนผังของกบาลสะเปียนค่ะ

จุด Check Point เริ่มออกแรงเดินกัน อีก 1,500 เมตรค่ะ

ข้ามสะพานไม้ก่อนเดินขึ้นค่ะ

ใช้เวลาเดินเที่ยวไปกลับประมาณ 2 ชม. พกน้ำไปสักขวด รองเท้าหุ้มส้นที่เดินสะดวกๆ ลุยน้ำได้ ไม่ต้องเอาของพะรุงพะรังไปเยอะค่ะ เอาที่คล่องตัวที่สุด เพราะเราต้องเดินผ่านป่า เขา น้ำตก มีปีนป่ายโขดหินกันบ้าง ช่วงนี้เราก็เลยไม่พกกล้องตัวใหญ่ไปค่ะ ใช้ไอโฟนถ่ายรูปกันไปก่อน ^^"

ป้ายบอกระยะทางที่เหลือ มีตลอดทางทุกๆ 100 เมตรค่ะ

วิวป่าเขาระหว่างทาง ^^

เดินมาถึงตัวน้ำตกแล้วก็จะเริ่มหินแกะสลักเป็นรูปศิวลึงค์ รูปสลักจะมีทั่วไปตั้งแต่ใต้น้ำ ตามโขดหิน และก้อนหินขนาดใหญ่ นับเป็นพันๆ องค์ ซึ่งที่นี่ถูกค้นพบโดย นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศษ Paul Bollier ในปี พ.ศ. 2511 จากนั้นเขาจึงตั้งชื่อที่นี่ว่า "The River of a Thousand Lingas" หรือลำธารแห่งศิวลึงค์นับพันองค์ค่ะ

รูปสลักพระวิษณุอนันตศายิน กับพระศิวะและพระอุมาทรงโคนนทิ

มีเชือกกั้นอยู่ตลอดทางค่ะ

ยังสงสัยว่าคงจะเป็นรูที่เกิดจากธรรมชาติ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ อาจจะตกลงไปได้นะเนี่ย ^^"



ป้ายเตือนนักท่องเที่ยวระหว่างทางค่ะ

รูปสลักพระวิษณุ 8 กรค่ะ

โขดหินบางก้อนก็ไม่ได้มีเชือกกั้น ก็ถ่ายแบบใกล้ชิดได้


ระหว่างทางเดิน ต้องคอยสังเกตตามซอกหินต่างๆ ก็จะเจอภาพสลักสำคัญๆ อยู่ตลอดทางค่ะ

ศิวลึงค์จำนวนมากใต้น้ำ

ศิวลึงค์ใต้น้ำระหว่างทางกลับ จะมีเชือกกั้นไว้ตลอดทาง ไม่ให้ใครลงไปได้ค่ะ

หินสลักรูปโยนี

รูปสลักพระศิวะและพระอุมาทรงโคนนทิ

มีน้ำตกด้วยยยย

ยังมีหินสลักอีกจำนวนมาก ควรใช้เวลาเดินชมตรงนี้ประมาณ 2 ชม. รวมเวลาเดินไปกลับ อากาศเย็นสบายร่มรื่นเพราะมีต้นไม้หนาแน่นตลอดทาง ไม่ร้อน แค่ออกแรงเดินสักหน่อยค่ะ


12 ปราสาทบันเตียสะเรย (Prasat Banteay Srei) เป่ยพามาที่นี่กันต่อ และเล่าให้ฟังว่าเป็นปราสาทของผู้หญิง มีชื่อเล่นด้วยว่า "ปราสาทสีชมพู" เพราะสร้างจากหินทรายชั้นดีสีชมพู และลวดลายที่ละเอียดอ่อนช้อยของปราสาท ทำให้ชาวบ้านสมัยก่อนคิดว่าสร้างโดยผู้หญิง แต่จริงๆแล้วถูกสร้างโดย พราหมณ์เชื้อสายกษัตริย์ชื่อ "ยัชญวราหะ" 

ตัวปราสาทที่นี่สร้างอยู่บนเนินดิน ทำให้ดูเตี้ยกว่าปราสาทอื่นๆที่สร้างโดยกษัตริย์ เพื่อไม่ให้เป็นการลบหลู่พระเกียรติของกษัตริย์นั่นเอง

ทางเดินศิลาแลงนำเข้าปราสาทค่ะ




หน้าบันนี้เป็นรูปสลักพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณค่ะ

หน้าบันสลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ จะเห็นถึงความละเอียดของลวดลายที่สวยงามอ่อนช้อยไม่เหมือนปราสาทใดๆ และยังคงความสมบูรณ์มากจนไม่น่าเชื่อว่าถูกสร้างขึ้นมาเป็นพันๆ ปีแล้วค่ะ

ปราสาทหลังกลางเป็นตัวแทนพระศิวะ

หน้าบันพาลีสู้กับสุครีพ

และสิ่งที่ต้องตามหากันในปราสาทแห่งนี้คือ นางอัปสรา(อีกแล้ว) แต่ที่นี่จะมีลักษณะคล้ายคนมากๆ ทั้งสัดส่วนและความละเอียดในการแต่งกาย จนได้รับยกย่องว่า "โมนาลิซาแห่งเอเชีย".....สารภาพ หาไม่เจอค่ะ - -"

13 หมู่บ้านทำน้ำตาลโตนด ระหว่างทางกลับเข้าเมือง จะมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทำน้ำตาลโตนดขายเป็นระยะๆ ค่ะ

แพ๊คเกจจิ้งแบบนี้ตกอันล่ะ 20 บาทเองค่ะ

ชาวบ้านกวนน้ำตาลกันสดๆ เลย

แบบกระปุกก็มีค่ะ
 
นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึก ราคาไม่แพง แวะอุดหนุนชาวบ้านกันได้นะคะ

14 ปราสาทเปรี๊ยะคัน (Prasat Preah Khan) หรือปราสาทพระขรรค์ เป็นที่สุดท้ายในเมืองเสียมเรียบของทริปนี้ค่ะ

เป็นอีกหนึ่งปราสาทสำคัญในพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เปรียบเสมือนอนุสรณ์แทนชัยชนะในสงคราม ความหมายของชื่อปราสาทมาจาก ดาบที่ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงเอาชนะศตรูค่ะ ทางเดินเข้าจากจุดตรวจตั๋ว ยาวถึง 800 เมตร ผ่านเสานางจรัลตรงทางเดินเข้าไปยังตัวปราสาทด้านใน

ราวสะพานรูปพิธีกวนเกษียรสมุทรค่ะ

นางอัปสราหน้าหาย เกิดจากการสกัดของโจร

มีคุณยายชาวกัมพูชานั่งอยู่คนนึงค่ะ เรารู้จักแกแล้วจากในหนังสือที่เขียนเอาไว้ แกจะคอยนั่งให้พรนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาค่ะ

ก็เลยให้คุณยายผูกข้อมือ เป่าขมับ แล้วมอบเงินให้แก


อาคารที่มีเสาทรงกลมแบบโรมันนี้ เชื่อว่าเป็นที่ใช้เก็บพระขรรค์ในอดีตค่ะ

ตามหาห้องนางอัปสราแดนซ์ ( Apsaras Dance) ให้เจอนะคะ ;)

ทางเดินทอดยาวภายในปราสาทค่ะ



รากไม้สวยๆกับกำแพงปราสาทใหญ่ ไปยืนข้างๆ ตัวเราดูเล็กนิดเดียวไปเลยค่ะ 


15 ทุ่งสังหาร (Killing Fields) ตรงนี้เป็นทุ่งสังหารอีกจุดในเสียมเรียบค่ะ ทั่วทั้งกัมพูชาจะมีทุ่งสังหารอยู่หลายจุด ซึ่งจุดใหญ่ๆ จะอยู่ที่กรุงพนมเปญ 


โครงกระดูกที่ขุดพบในบริเวณนี้

16 ผับสตรีท (Pub Street) แหล่งรวมที่เที่ยวยามค่ำคืน ร้านอาหาร ที่ช้อปปิ้ง แต่.....พวกเราพลาดค่ะ เรามีเวลาแค่คืนเดียวที่นี่ ก็เลยเลือกที่จะไปดูระบำนางอัปสราเมื่อคืนก่อนแทน 

หมดไป 2 วัน 1 คืนที่เมืองเสียมเรียบแล้ว เราก็ไปนั่งรถกลับไปเก็บตกที่พนมเปญกันต่ออีกวัน ก่อนจะบินกลับไทยค่ะ ^^

สภาพรถนอนที่เราใช้โดยสารไป-กลับ พนมเปญ-เสียมเรียบค่ะ เป็นรถนอนจริงๆ นั่งไม่ได้ นอนเหยียดขาได้เลยมีไวไฟ มีปลั๊กให้เสียบชาร์ทแบต ทุกอย่างดูโอเคนะ แต่.....ไม่มีห้องน้ำาาาา กับการเดินทาง 7 ชม.!!!

ก็เลยมีเรื่องเล่าจาก Sleeping bus ค่ะ จะทำยังไงหล่ะ ถ้าปวดฉี่แล้วไม่มีห้องน้ำ เดินไปบอกคนขับรถเลยจ้า เค้าก็จะหาที่จอดข้างทางให้ เราก็ลงไปแล้วจัดการปลดทุกข์กันข้างๆรถนั่นหล่ะ คือทุกคนทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก ทั้งคนกัมพูชา ทั้งฝรั่งนักท่องเที่ยว จะลงไปเป็นหมู่คณะ นั่งกันเป็นจุดๆ เว้นช่องไฟกันเท่ากันเป๊ะ แต่เราสาวไทยขี้อายไม่ไหวจะเคลียร์ค่ะ ต้องรอให้ทุกคนทำภารกิจเสร็จแล้วขึ้นรถให้หมดก่อน เราถึงจะลงไปค่ะ แอบโดนเด็กรถตะโกนเร่งเป็นภาษาไทยเลยว่า "เร็วๆหน่อย" 

แต่พอมีประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปมันก็ง่ายขึ้นค่ะ ปวดฉี่ก็เดินไปบอกคนขับรถก็จะจอดให้เลย ลงไปคนเดียวบ้าง ชวนเพื่อนบ้าง ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ ตื่นเต้นดีค่ะ 555

แอบแปะรีวิวเมืองพนมเปญตามลิงค์นี้เลยค่า http://mytravelholicdiary.blogspot.com/2015/08/phnom-penh-cambodia.html






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น