ตะลุยกันต่อ Part 2 ค่ะ plan การเที่ยวทริปนี้มีข้อจำกัดอยู่นิดหน่อยนะคะ เนื่องจากมีผู้สูงวัยอีก 2 คน ที่เน้นสายช้อปปิ้งเป็นหลัก ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่แนวเราเลย - -" มิวเซียมก็ไม่มีโอกาสได้เข้าซักที่ T_T แยกเที่ยวก็ไม่ได้ เพราะต้องดูแลอีก 2 คน แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ^^"
ตอนเช้าเรานั่ง MRT มาลงสถานี Harbourfront ทางออก E เพื่อมาทานมื้อเช้ากันที่ Foodrepublic (สาขา Vivo City) มีร้านอาหารกว่า 30 ร้านที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง ถือเป็นที่ฝากท้องก่อนเข้าและตอนออกจากเกาะเซนโตซ่าได้เลยนะ
ที่นี่จะตกแต่งให้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่ในโรงเตี้ยมเก่าๆ ค่ะ
ร้าน Huat Huat BBQ Chicken Wing ถ้าอยากทานไก่ย่างต้องมาร้านนี้ค่ะ ย่างให้เห็นกันหน้าร้านด้วยเตาแบบพิเศษที่ทำให้เนื้อไก่สุกเท่ากัน ไม่ไหม้เกรียม รสชาติคล้ายๆบ้านเรา เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยค่ะ
อิ่มท้องกันแล้ว เราก็หาทางไปเกาะเซ็นโตซ่า ซึ่งการเดินทางมาเกาะมีหลายวิธี คราวที่แล้วเคยเดินทางด้วยกระเช้าลอยฟ้า Singapore Cable Car ซึ่งเป็นวิธีที่สุดคลาสสิค ชมวิวมุมสูง 360 องศาที่สวยมากค่ะ แต่ก็แพงกว่าวิธีอื่นมาก มาคราวนี้ ก็เลยลองเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Sentosa Express ดูบ้าง สะดวกและราคาไม่แพง และยังสามารถใช้เดินทางบนเกาะแบบไม่จำกัดกี่เที่ยวก็ได้ค่ะ
และ Highlight ของเราวันนี้คือ Universal Studio Singapore ค่าาา เย้ๆ เมื่อ 8 ปีที่แล้วยังไม่มีนะเนี่ย ที่นี่ก็เป็นธีมปาร์คระดับโลกที่อยู่ใกล้เมืองไทยที่สุดล่ะ ค่าเข้าก็ประมาณคนล่ะ 1800 กว่าบาทค่ะ!! ^^"
ผ่านจุดตรวจตั๋วมาแล้ว ทางเดินเข้าจะเป็นร้านค้าขายของที่ระลึก ตลอด 2 ข้างทางค่ะ
ร้านขายอาหารแถวๆ โซน Madagascar
Far Far Away มาถึงปราสาทใหญ่มากกก จากหนังแอนนิเมชั่นเรื่อง Shrek ที่นี่เราจะได้ชมภาพยนต์ 4 มิติ Shrek 4-D Adventure กับเรื่องราวการช่วยเจ้าหญิงฟิโอนา คนอายุเยอะๆอย่างพวกเรายังสนุกเลยค่ะ 555
เดินต่อมาเข้าสู่โซน The Lost World กันแล้วค่ะ มีเครื่องเล่นมากมายให้ได้ผจญภัยกันไม่ว่าจะเป็น Jurassic Park Rapids Adventure ที่จะได้ล่องเรือไปพบกับความตื่นเต้น , Cano Flyer รถไฟเหาะแบบห้อยขา , Dino-Soarin ที่บินหมุนไปรอบๆ และยังมีการแสดงผาดโผนกลางสายน้ำที่ Water World อีกด้วย
Ancient Egypt มาท่องดินแดนมัมมี่กันต่อค่ะ เอกลักษณ์ของที่นี่ก็คือสถาปัตยกรรมแบบอียิปต์สวยๆ
Revenge of the Mummy ที่นี่จะได้สนุกตื่นเต้นไปกับการนั่งรถไฟไปในความมืด แล้วไปต่อกับ Treasure Hunters นั่งรถจิ๊ปกลางแจ้ง ตื่นเต้นไปตลอดสองข้างทาง
Sci-Fi City มาถึงโลกอนาคตแล้วค่ะ เครื่องเล่นโซนนี้จะหวาดเสียวสุดๆ อย่างรถไฟเหาะตีลังกา Battlestar Galactica หรือแบบหวาดเสียวมากตีลังกาหัวทิ่มรางสีน้ำเงิน Cylon หรือใครไม่กล้าพอเลือกเป็นสายสีแดง Human ได้ค่ะ
เครื่องเล่นใหม่ Transformers ที่จะนั่งบนรถรางแล้ววิ่งผ่านฉากต่างๆ เป็นจอหนังขนาดใหญ่แบบ 3 มิติค่ะ
ช่วงสุดท้ายจะเป็นการจำลองบรรยากาศของเมือง New York และ Hollywood ค่ะ
เดินกันมาครบ 1 รอบใหญ่ เราก็ใช้ตั๋วแลกอาหารฟรีมานั่งทาน พักผ่อนกันก่อนค่ะ
รถขายป๊อปคอร์นน่ารักๆค่ะ ^^
ช่วงที่ไปใกล้วันคริสมาส บรรยากาศก็จะเป็นแบบนี้ทั่วทั้งบริเวณเลยค่ะ
เราใช้เวลาใน Universal อย่างรวดเร็วมากแค่ 2 ชม.กว่าๆ ซึ่งปกติที่นี่ควรจะใช้เวลาเกือบหนึ่งวันเต็มๆ เนื่องจากคุณป้าสายช้อปปิ้งงอแงค่ะ บ่นใหญ่เลยว่าแบบนี้เค้าเคยไปมาแล้วที่เกาหลี เมื่อไรจะพาเค้าไปช้อปปิ้งต่อ - -" โอเคๆ จบข่าว!!!
ก่อนออกจากเกาะเซนโตซ่า ก็เลยแวะมาทักทาย The Merlion ที่เคยเจอกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่ใหญ่ที่สุด สูง 37 เมตร สามารถเข้าไปด้านในได้ ที่ชั้น 9 คือบริเวณปากของเมอร์ไลอ้อน ที่เราสามารถออกมาชมวิวได้ และชั้น 12 คือบริเวณด้านบนสุดชมวิวได้ 360 องศา และชั้นล่างมีการเล่าเรื่องราวของเมอร์ไลอ้อน มีร้านขายของที่ระลึก และยังสามารถนำตั๋วที่ซื้อเขัาไปแลกของที่ระลึกกลับมาได้ด้วยค่ะ
บนเกาะเซ็นโตซ่ายังมีที่เที่ยวอีกมากกกกกกกมาย สามารถใช้เวลา 1-2 วันที่นี่ได้ ทั้งกลางวันจนถึงค่ำ มีทั้งการโชว์แสงสี ม่านน้ำ Crane Dance การแสดงแสงเลเซอร์ประกอบสายน้ำที่ Lake of Dreams มีพิพิธภัณฑ์การเดินเรือสมุทร Maritime Experiential Museum & Aquarium (MEMA) มีเครื่องเล่นที่ดันลมออกมาให้เราลอยได้ที่เท่ากับตึก 5 ชั้นที่ ifly Singapore มีโชว์การแสดงของสัตว์ต่างๆที่ Animal & Bird Encounters มีพิพิธภัณฑ์ Images of Singapore มี Sky Tower หอคอยที่สูง 131 เมตร ขึ้นไปก็จะได้เห็นวิว 360 องศาเห็นวิวทะเลสวยมากค่ะ มีการจำลองใต้ท้องทะเลในอุโมงค์ขนาดใหญ่ ยาวถึง 83 เมตรและการแสดงโลมาที่ Underwater World Singapore & Dolphin Lagoon มีเครื่องเล่นเหมือนรถบังคับด้วยมือ ลงมาจากที่สูงแล้วขึ้นกระเช้าห้อยขากลับขึ้นมาที่ Skyline Luge Sentosa... ยังดีนะ ที่ตอนมาคราวที่แล้ว ยังได้เล่นได้เที่ยวหลายรายการ มาคราวนี้ไม่ได้เล่นอะไรเลยจ้าาา T_T ยังๆ ไม่หมดนะ ยังมีโรงหนังแบบ 4 มิติแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ Sentosa 4D Magix มีโรงหนัง 3 มิติที่ Desperados in 3D และยังมี Sentosa Cinelast นั่งรถไฟเหาะตีลังกาพร้อมๆ กับสัมผัสแบบ 4 มิติ นอกจากนี้บนเกาะยังมีที่เที่ยวแบบธรรมชาติชมผีเสื้อ แมลงต่างๆ ที่ Butterfly Park & Insect Kingdom มีหาด Siloso จะมาปั่นจักรยาน พายเรือคายัค อาบแดด เล่นวอลเลย์บอลชายหาดได้กันตามชอบเลยค่ะ และยังมีที่โต้คลื่นใน Wave House Sentosa ด้วย
ที่บอกมาเนี่ยก็เกือบหมดล่ะค่ะ ^^" เหมาะสำหรับมากับเพื่อน มากับครอบครัวที่มีเด็กๆ แล้วจะได้ใช้พลังงานกันที่นี่จนหมดเลยหล่ะ ^^
ขากลับออกจากเกาะเซ็นโตซ่า รถไฟรางจะมาจอดที่ห้าง Vivo City ซึ่งเป็นที่ตั้งของ MRT สถานี Harbourfront ที่เชื่อมต่อไปยังเกาะเซ็นโตซ่า ด้วย Sentosa Express ที่ตั้งอยู่ชั้น 3 (ใกล้กับ Foodreplublic) เป็นห้างที่ครบครันทั้งแบรนด์เนม ซุปเปอร์มาเก็ต อุปกรณ์ไอที ของที่ระลึก ส่วนด้านนอกที่เป็นดาดฟ้ามีสนาเด็กเล่น มุมพักผ่อน การแสดงศิลปะ และยังเป็นจุดชมวิวสวยๆอีกด้วยค่ะ
คุณป้าแวะ Charles & Keith ทุกสาขาค่ะ และจะหยุดบ่นทุกอย่างเมื่อได้เข้าห้าง ก่อนหน้านี้ถึงแม้จะบ่นว่าเหนื่อย เมื่อยขาแค่ไหนก็ตาม - -"
เรากลับโรงแรมแบกของมาเก็บกันก่อนค่ะ และนี่คือ Charles & Keith แค่ 2 วันอยู่เลย ยังเหลือเวลาอีก 2 วัน มาดูกันว่าจะได้กระเป๋าอีกกี่ใบ รองเท้าอีกกี่คู่ - -"
ตอนค่ำออกมาหาอะไรทานกันที่ไชน่าทาวน์ค่ะ ซึ่งในตอนกลางคืนจะถูกเนรมิตให้เป็น Night Market และ Food Street อลังการงานกินมากกกก ^^
มื้อเย็นนี้เราจะนำเสนอแค่บางส่วน ที่มาสิงคโปร์แล้วต้องชิมให้ได้นะคะ เมนูแรกคือ โรจัก (Rojak) อาหารประยุกต์ระหว่างมาเลเซียและจีน มีผสมๆหลักๆที่มองเห็นและสัมผัสได้ ^^" มีเต้าหู้ทอด แตงกวา มันแกว สัปปะรด ปาท่องโก๋ ปลาหมึกแห้ง ไข่เยี่ยวม้า นำมาคลุกกับน้ำยำที่มีส่วนผสมของกะปิและถั่วลิสง
ต่อมาเป็นสะเต๊ะ (Satay) รสชาติและเครื่องเคียงคล้ายบ้านเราค่ะ แต่ที่นี่สะเต๊ะจะมีให้เลือกมากมายเช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ และกุ้งค่ะ
ร้านหมูแผ่น Bee Cheng Hiang มีสาขาทั่วสิงคโปร์และในอีกหลายประเทศ หาซื้อเป็นของฝากกันได้ค่ะ
หมูแผ่นที่นี่ชิ้นจะหนา ออกรสหวาน ชั่งขายเป็นกรัมค่ะ อร่อยมากกกก ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น