วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Da Lat - Vietnam

ดาลัต เป็นเมืองกลางหุบเขาที่ปกคลุมด้วยป่าต้นสนบนที่ราบสูง มีความสูงประมาณ 2,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จึงทำให้เมืองนี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ประมาณ 17 องศาเซลเซียส

ความโรแมนติคของเมืองดาลัตจนได้รับฉายาว่าเป็น "ปารีสแห่งอินโดจีน" เนื่องจากในอดีตฝรั่งเศษได้เข้ามาพัฒนาดาลัตให้เป็นเมืองตากอากาศ อาคารสิ่งก่อสร้างของเมืองนี้ทั้งโรงแรม อาคารบ้านเรือนจึงก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศษ มีสีสันคล้ายเมืองในเทพนิยาย

ด้วยความที่ดาลัตเต็มไปด้วยสวนสวย อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะคู่แต่งงานเวียดนามมักจะนิยมมาฮันนีมูนกันที่เมืองโรแมนติคแห่งนี้ค่ะ 

เราโดยสารมาด้วยรถนอนจากโฮจิมินห์ประมาณเที่ยงคืน นอนจริงๆนะ เหยียดขาสบายเหมือนนอนบนเตียงเลยค่ะ มาถึงดาลัตก็เช้าพอดี ^^

และด้วยความประมาทในความหนาวของดาลัต คิดเองเลยว่าจะหนาวได้สักแค่ไหน ก็แค่เวียดนามใต้ (ที่โฮจิมินห์ร้อนตับแล่บเลยนี่นา) ก็เลยใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงเลคกิ้ง พอลงรถมาเท่านั้นแหละ นึกว่าอยู่ยุโรป หนาวมากกกกกก ปากสั่นฟันกระทบกันแบบหยุดไม่ได้ รีบควานหาเสื้อแจ๊คเก็ตในกระเป๋าเป้แทบไม่ทัน T_T


บรรยากาศริมทะเลสาบที่ดาลัต เย็นหน้าชาดีค่ะ ^^"


หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เราก็ซื้อทัวร์ one day trip จากที่เค้าเตอร์โรงแรมได้เลย โดยทัวร์จะเริ่มตอน 8 โมงเช้า เป็นรถมินิบัสแบบนี้ค่ะ


ที่แรกมาแวะกันท่ี พระราชวังฤดูร้อนแห่งเมืองดาลัต (Bao Dai 's Summer Palace) ของกษัตริย์บ๋าวได๋ ผู้เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 13 และกษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม กษัตริย์บ๋าวได๋เติบโตเล่าเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศษเป็นเวลานาน จนเมื่อเกิดการปฏิวัติจนต้องลี้ภัยที่ฝรั่งเศษและไม่มีโอกาสกลับมาเวียดนามอีกเลย




จักรพรรดิบ๋าวได๋ชื่นชอบเมืองดาลัตมาก จึงสร้างพระราชวังที่ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศษในสมัยที่ฝรั่งเศษเรืองอำนาจในเวียดนาม รูปแบบและสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลสไตล์ฝรั่งเศษค่ะ



จากพระราชวังเราก็มาต่อกันที่ หุบเขาแห่งรัก (Valley of Love) อยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบมาฮวาง มีลักษณะเป็นหุบเขา มีทะเลสาบอยู่ตรงกลาง บรรยากาศแบบว่าความรักอบอวลมากค่ะ ^^"



ที่นี่มีนิทานแห่งรักด้วยนะ เล่ากันว่าสถานที่นี้เคยเป็นสถานที่แห่งความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ระหว่างทหารหนุ่มกับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงที่ทหารหนุ่มต้องไปทำการรบกับข้าศึกชาวจีนมองโกเลีย โดยทั้งสองสัญญาว่าเมื่อชายหนุ่มกลับมาตามเวลาที่นัดหมาย ก็จะแต่งงานกัน แต่เมื่อถึงเวลานัดหญิงสาวก็ไปรอชายหนุ่มที่หุบเขาแห่งนี้ แต่ชายหนุ่มไม่ได้กลับมาตามนัด ทำให้หญิงสาวโศกเศร้าเสียใจ คิดว่าชายหนุ่มตายไปในสนามรบแล้ว จึงกระโดดหุบเขาฆ่าตัวตายที่นี่ สุดท้ายชายหนุ่มกลับมา และทราบข่าวคนรักของตัวเอง จึงฆ่าตัวตายตามไปในที่สุด T_T




ระหว่างเส้นทางเที่ยว ก็จะได้แวะชิมและซื้อผลไม้อบแห้ง ชาอาร์ติโซ กาแฟ หรือไวน์แดงของฝากเมืองดาลัตกันค่ะ


มาต่อกันที่น้ำตกดาตันลา (Datanla waterfall) อยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัตประมาณ 7 กม. ที่นี่มีกิจกรรมและเครื่องเล่นต่างๆ ในแต่ละชั้นของน้ำตก เช่นรถราง ปีนเขา เราเลือกเล่นรถรางค่ะ สนุกมากกกก (หารูปไม่เจอ ถ่ายแต่เป็นคลิปเอาไว้) ใครมาห้ามพลาดเลยนะ



เดินทางกันต่อที่วัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda) ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่นิกายเซน บรรยากาศของวัดตั้งอยู่บนเนินเขาของเมืองดาลัตเหนือทะเลสาบเตวียนลาม มีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด โดยรอบยังเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่อุดมสมบูรณ์




และที่สุดท้ายคือโบสถ์ดาลัต (Dalat Cathedral) เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่กลางเมืองดาลัต ด้านบนสุดของโบสถ์จะมีกังหันลมเป็นรูปไก่ จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวิหารไก่

เมืองนี้ยังมีที่เที่ยวอีกมากมายเช่น ตลาดเช้าดาลัต  เครซี่เฮ้าส์  เจดีย์มังกร  ยอดเขาลังเบียง กระเช้าชมเมืองดาลัต ทะเลสาบเตวียนลาม สถานีรถไฟดาลัต ซึ่งควรจะใช้เวลาที่เมืองนี้สัก 2 วัน ก็สามารถเที่ยวได้ครบค่ะ

แต่เรามีเวลาแค่วันเดียวที่นี่ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องเดินทางต่อไปอีกเมืองที่มุยเน่ ก็เลยได้เก็บตกตลาดค่ำถนนคนเดินเมืองดาลัตอีกที่สุดท้าย บรรยากาศตอนกลางคืนก็จะคึกคักไปอีกแบบ เต็มไปด้วยสีสันร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านน้ำเต้าหู้หลากหลายรสชาติอุ่นๆ ทานกับปาท่องโก๋ตัวโตๆ ช่วยคลายความหนาวไปได้เยอะเลยค่า 

ขอจบทริปเมืองโรแมนติคเพียงเท่านี้ค่า ^^






















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น