พวกเราเดินทางมาที่เมืองนี้กันด้วยรถโค้ชของ National Express จากลอนดอน และต้องแวะต่อรถกันประมาณครึ่งทางก่อนด้วย
ขอเล่านิดนึง....ชื่อ Cambridge นี้มาจากที่ว่า อยู่ติดกับแม่น้ำแคม (River Cam) แล้วก็เลยหมายถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคม (Cam-Bridge) ง่ายๆ ตรงไปตรงมา 😅 ซึ่งบริเวณหลักๆของมหาวิทยาลัย จะมีแม่น้ำไหลผ่าน
หลังจากเดินมาสักพัก จุดแรกที่แวะก็คือ St Bene't's Church ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดใน Cambridge เข้าชมฟรี ไม่มีคนเลย 😁
ตรงข้ามกับโบสถ์ St Bene't' s Church คือหนึ่งในผับใหญ่ของ Cambridge ชื่อ The Eagle เปิดมาตั้งแต่ปี 1667 ผับนี้น่าสนใจตรงที่ด้านใน บริเวณเพดานและผนังเต็มไปด้วยการเขียนชื่อของทหารอากาศ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และอีกเรื่องน่าสนใจคือที่นี่เป็นผับที่ Francis Crick ผู้ที่คิดโครงสร้าง DNA ได้ที่นี่ ผับนี้ก็เลยเป็นเหมือนต้นกำเนิด DNA ทางร้านก็เลยคิดสูตรเหล้าชื่อ Eagle's DNA ขึ้นมาด้วย
ชั้นบนของผับมีห้องใต้หลังคาห้องนึง ที่เคยเกิดเพลิงใหม้จนมีหญิงชราสำลักควันเสียชีวิตข้างใน ที่เห็นต้องเปิดหนัาต่างตลอดเวลาอย่างนั้น เพราะมีเรื่องเล่าว่า ถ้าวันไหนเผลอปิดหน้าต่าง วิญญานที่อยู่ข้างในจะร้องโหยหวนหลอกหลอนคนแถวนั้น เพราะหายใจไม่ออก!!!
ตอนที่ไปถึง มีลูกค้าแค่พวกเราโต๊ะเดียว อากาศกำลังดี ก็เลยนั่งชมบรรยากาศด้านนอกกัน แอบมองหน้าต่างผีสิงด้านบนข้างหลังเรา อย่างหวั่นๆ ><
พวกเรามาถึงในช่วงเช้า ก็เลยลองสั่ง Full English Breakfast ของที่นี่รองท้องกันก่อน พอเอามาเสิร์ฟ ว้าวววว น่ากินมากกก มีทุกอย่างครบตามสไตล์ English breakfast และเป็น Breakfast ที่น่ากินสุดตั้งแต่มาอยู่ที่อังกฤษเลยทีเดียว (จริงๆนะ) 😅 โดยเฉพาะ Black Pudding (ใส้กรอกที่ทำจากเลือดสัตว์ มีสีดำ) ที่เราไม่ค่อยได้เจอ 😋
เราจะพบเจอนาฬิกาแดด ทั่วทั้งเมือง Cambridge
เดินกันมาเรื่อยๆ ก็เจอ King's College เป็นหนึ่งใน College ที่มีชื่อเสียงของ Cambridge
ด้านหน้า King's College Chapel
และกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในการมาเที่ยวเมืองนี้ก็คือ Punting Tour ก็คือการล่องเรือชมวิวเมือง โดยจะมีนักศึกษาของที่นี่เป็นคนพายเรือให้ พวกเราหาข้อมูลกันก่อนมาแล้วว่า ให้ต่อราคาลงอีกจากที่เขาเสนอมา...ผู้ชายใส่หมวกในรูปนั่นแหละ
วิธีพายแบบ Punting ก็คือ การใช้ไม้ Pole ยาวๆ เสียบลงไปในแม่น้ำ แล้วดันเรือไปเรื่อยๆในทิศทางที่ต้องการเมื่อลงเรือกันมาแล้ว...จุดแรกเป็นสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดใน Cambridge คือสะพานคณิตศาสตร์ (Mathematics Bridge) ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคม มีเรื่องเล่าว่า ท่านเซอร์ ไอแซค นิวตัน ได้ออกแบบสะพานนี้โดยไม่ใช้ตะปูสักดอก แต่ต่อมามีนักวิทยาศาสตร์อยากรู้ว่าออกแบบอย่างไร จึงถอดชิ้นส่วนสะพานออกมาศึกษาแล้วปรากฏว่าประกอบกลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้ จึงต้องใช้ตะปูตอกกลับให้เป็นสะพานเหมือนเดิม...ถึงว่า สะพานเต็มไปด้วยน๊อต!!
จุดต่อมาก็คือ สะพาน Bridge of Sighs สร้างเมื่อปี 1831 เพื่อข้ามแม่น้ำแคม ระหว่างตึกเก่าและตึกใหม่ ซึ่ง Bridge of Sighs ที่ชื่อเดียวกันและมีลักษณะเหมือนกันมี 3 ที่ในโลกคือที่ Venice , Cambridge และ Oxford
จบจาก Punting Tour ทางน้ำล่ะ เราก็มาต่อ Sightseeing Tour ทางบกต่อ ส่วนตัวคิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวแต่ล่ะเมืองภายในวันเดียว รถบัสชั้นบนเป็นแบบ open air ด้านข้างที่นั่งของเราจะมีช่องเสียบหูฟัง เป็นไกด์อธิบายแต่ละสถานที่ในเมือง สามารถลงรถเดินเล่นได้ในจุดที่จอด แล้วรอขึ้นคันถัดไปได้ค่ะ
บนรถ Sightseeing Tour ก็ไม่มีคนค่ะวันนี้...มันเป็นวันของเราจริงๆ 😂 นอกจากจะพาเที่ยวแต่ล่ะจุดในตัวเมืองแล้ว ยังพาออกไปชานเมืองที่เป็นสุสาน College และโบสถ์อื่นๆอีกมากมาย คุ้มมากๆ 😒
จบ Sightseeing Tour ล่ะ เราก็เดินมารอขึ้นรถที่เดิมกันค่ะ
นั่งผึ่งแดดรอเวลาขึ้นรถโค้ช National Express คันสีขาวๆ โน่นหล่ะ กลับลอนดอนกันค่ะ...จบ One day trip แบบชิวๆที่ Cambridge เพียงเท่านี้ค่ะ 😁
Ps. มีสิ่งที่พลาด คือตามหาต้นแอ๊ปเปิ้ลที่เซอร์ไอแซก นิวตัน ค้นพบกฏแรงโน้มถ่วง ที่อยู่ใน Trinity College ไม่เจอ T_T
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น