สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่สุดของไทย ทั้งขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต อาหาร ที่ใกล้เคียงกันมาก และยังเป็นประเทศเดียวที่ใช้ภาษาไทยสื่อสารกันได้เลย...ใครๆ ก็ไปเที่ยวเองได้ สบายมาก :D
คราวนี้เราจะไปเที่ยวกันท่ี "แขวงจำปาสัก" ค่ะ อยู่ทางตอนใต้ของลาวติดกับจังหวัดอุบลราชธานีของไทย มีเมืองเอกคือปากเซ ชื่อที่คนไทยคุ้นหูกันดี แล้วเราจะพาไปเที่ยวที่จำปาสัก สี่พันดอน(เมืองโขง) ดอนเดดและดอนคอนด้วย จะรีวิวรวมอยู่ใน Blog เดียวกันเลยนะคะ
ซึ่งไฮไลท์ของทริปนี้ก็คือ น้ำตก น้ำตก แล้วก็น้ำตกค่ะ ;) เพราะลาวใต้คือดินแดนแห่งน้ำตกสวย ใหญ่ อลังการมากมาย (แนะนำให้ไปช่วงปลายเดือนตุลาคมค่ะ เพราะเป็นช่วงที่น้ำตกสวยที่สุด) และยังมีสถานที่ที่เป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของลาวอีกด้วย มีที่ไหนบ้าง....ตามไปเที่ยวกันเลยยยย
เตรียมตัว...
1. แผนการเดินทาง 2 วัน
Day 1 เมืองบาเจียง (น้ำตกตาดผาส้วม), เมืองปากซ่อง (น้ำตกตาดฟาน น้ำตกตาดเยือง), เมืองจำปาสัก (ปราสาทหินวัดพู)
Day 2 เมืองดอนเดดและดอนคอน (น้ำตกหลี่ผี), เมืองโขง (น้ำตกคอนพะเพ็ง)...แยกรีวิวใน Part II ค่ะ
2. การเดินทางมาแขวงจำปาสัก (ปากเซ)
- รถบัสจากสถานีขนส่งอุบลราชธานี ไปปากเซ มีรอบเดียวตอน 09.30 น. ค่าโดยสาร 200 บาท
- รถตู้จากสถานีขนส่งไปช่องเม็ก มีตั้งแต่ 06.00-16.00 น. ต่อด้วยนั่งรถสองแถว 50-60 บาท หรือรถตู้ประมาณ 80 บาท ไปปากเซ
3. การเดินทางภายในแขวงจำปาสัก
- เช่ารถมอเตอร์ไซค์
- เหมารถตู้
- รถโดยสาร
4. ที่พัก
มีโรงแรมให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยจนถึงระดับห้าดาวหลักหลายพัน จองผ่านเวปไซค์ไปก่อนเพื่อความแน่ใจ หรือจะลองไปเดินหา walk in ก็ได้ค่ะ
ทางไปจอง >>>> www.agoda.com , www.booking.com
5. แลกเงิน
เราสามารถใช้เงินไทยใช้จ่ายในลาวได้เลย หรือจะแลกเป็นสกุลเงินของลาวคือ "กีบ (Kip)" มีแบงค์ 500, 2,000, 5,000, 10,000, 20,000 และ 50,000 กีบ ไม่มีเหรียญค่ะ อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณอยู่ที่ 1 บาท เท่ากับ 250 กีบค่ะ
6. ฤดูกาล
ฤดูร้อน ปลายกุมภาพันธ์ ถึงต้นพฤษภาคม
ฤดูฝน ปลายพฤษภาคม ถึงปลายตุลาคม
ฤดูหนาว ต้นพฤศจิกายน ถึงต้นกุมภาพันธ์
Day 1
เริ่มสตาร์ทจากด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานีกันเลยนะ ตามป้ายมาผ่าน Immigration ฝั่งไทยกันก่อน ใครมีพาสปอร์ตต้องเหลืออายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ส่วนใครไม่มีก็ทำใบผ่านแดนชั่วคราวได้แถวๆ ช่องเม็กมีบริการเพียบเลยค่ะ
หลังจากผ่าน Immigration ประเทศไทยมาแล้ว ก็จะเจออุโมงค์ เดินลงไปฝั่งขาออกเลยค่ะ นี่เป็นการเดินข้ามประเทศครั้งแรกของเราเลยทีเดียว ฮ่าๆ
ผ่านอุโมงค์นี้เข้าไปแล้ว จะเห็นอาคารใหญ่ๆ อยู่ด้านขวามือ นั่นคือ ตม.ลาวค่ะ ให้เดินขึ้นไปจ่ายค่าธรรมเนียมและประทับตราให้เรียบร้อย ทั้งคนที่ถือพาสปอร์ตและใบผ่านแดนชั่วคราว ขอเตือน!! ห้ามลืมเด็ดขาด มีคนมากมายที่ไม่รู้ เพราะตรงจุดนั้นไม่ได้มีอะไรกั้นไว้ สามารถเข้าประเทศลาวได้เลย
แต่การเข้าประเทศโดยไม่ผ่าน ตม. ถือเป็นการเข้าเมืองผิดกฏหมาย ถ้าโดนตรวจพบช่วงระหว่างที่อยู่ในลาว หรือขาออกจากประเทศ จะโดนปรับในราคาสูงมาก (หลายหมื่นบาท) และมีคนไทยจำนวนมากที่เจอประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว จนถึงกับไปตั้งกระทู้ในพันทิพและมีคอมเม้นท์มากมายว่าเคยโดน ตม.ลาวปล้น!! ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเราศึกษาไปก่อน และทำถูกต้องตามกฏหมาย ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วค่ะ
เที่ยวลาวครั้งนี้ มีเพื่อนติดต่อ "พี่คำหล้า" เป็นไกด์นำเที่ยวและขับรถให้ พี่คำหล้าก็เอารถตู้มารอรับพวกเราตามเวลานัดค่ะ
พี่คำหล้าเป็นไกด์ที่คุยสนุก พูดภาษาไทยชัดแบบไม่นึกว่าเป็นคนลาวเลย (แอบมารู้เอาวันสุดท้ายว่าอายุเท่ากัน 555)
01 ภูมะโล ระหว่างทางจากด่านเข้าเมืองปากเซ เราจะเห็นยอดเขาสูงเด่นที่อยู่ไกลๆนั่น พี่คำหล้าภูมิใจนำเสนอมากๆ โดยขึ้นชื่อว่าเป็น "ฟูจิเมืองลาว" ด้วยนะ
มาถึงตัวเมืองปากเซ ก็หาที่แลกเงินกันก่อนค่ะ
มื้อเช้า หิวๆกันล่ะ พี่คำหล้าก็พามาร้านเฝอชื่อดังของที่นี่ค่ะ
เครื่องเคียงเพียบ แถมยังมีผักสดตะกร้าใหญ่ๆให้ด้วย
ชามใหญ่ อร่อย รสชาติดีมาก สมกับที่เจ้าถิ่นพามาชิมค่ะ
02 น้ำตกตาดฟาน
Time : 07.00-17.00
Ticket : 5,000 กีบ
Parking : มอเตอร์ไซค์ 3,000 กีบ / รถยนต์ 5,000 กีบ
จ่ายค่าเข้าแล้วมาตามป้ายของ ตาดฟานรีสอร์ทได้เลยค่ะ
เป็นน้ำตกแฝดที่มีความสูงถึง 200 เมตร มองเห็นได้ไกลๆ ค่ะ ไม่สามารถลงไปด้านล่างของหุบเขาได้
ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะค่ะ ^^"
03 น้ำตกตาดเยือง
Time : 07.00-17.00
Ticket : 5,000 กีบ
Parking : มอเตอร์ไซค์ 3,000 กีบ / รถยนต์ 5,000 กีบ
ด้านบนก่อนจะลงไปตัวน้ำตกค่ะ
ทางเดินขึ้นไปตรงจุดชมน้ำตกและถ่ายรูป จะมีละอองน้ำสีขาวเหมือนหมอก ปกคลุมไปทั่ว
ที่นี่ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งนึงในลาว เพราะจุดเด่นของน้ำตกที่ไหลแรง ตกกระทบข้างล่างจะเป็นละอองไปทั่วบริเวณ และถ้าได้มาช่วงบ่าย 3 ถึงบ่าย 4 จะเห็นเป็นรุ้งกินน้ำด้วยค่ะ
พื้นที่ลาวใต้ เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญ เราจะเห็นชาวบ้านตากเมล็ดกาแฟไว้ทั่วไป ยิ่งถ้าได้มาในช่วงที่ดอกกาแฟบาน จะส่งกลิ่นหอมไปทั่วเลย
04 หมู่บ้านชนเผ่า (อุทยานบาเจียง)
Time : 07.30-17.00
Ticket : ฟรี (รวมในค่าตั๋วของน้ำตกผาส้วมแล้ว)
เป็นหมู่บ้านชนเผ่าที่ตั้งอยู่ในอุทยานบาเจียง ใกล้กับน้ำตกผาส้วม เกิดจากการรวบรวมบ้านเรือนและผู้คน 13 ชนเผ่าที่ใกล้จะสูญหายไปจากลาว ให้มาอยู่ด้วยกันและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวค่ะ
ทางเดินเข้าไปชมหมู่บ้านชนเผ่า
บ้านเรือนในหมู่บ้านชนเผ่า
บ้านหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปข้างในได้เลยนะ
หุ่นขี้ผึ้งพระ เดินเข้าไปจะอยู่ด้านขวามือ (ตอนเข้าไปคนเดียว หันมาเห็น แอบตกใจเพราะเหมือนคนจริงๆมาก ^^" )
ด้านในมีรูปภาพ เครื่องมือทำมาหากิน เครื่องแต่งกายของชนเผ่าต่างๆ จัดแสดงอยู่ค่ะ
จบจากหมู่บ้านชนเผ่า เราก็เดินลัดเลาะออกมาด้านหลัง เพื่อที่จะไปน้ำตกผาส้วม มาทางกรงเจ้าตัวนี้เลย เป็นทางเดินเล็กๆ เลียบกรงไป...มองสู้กล้องด้วยนะ :D
แล้วก็จะเจอทางเดินสะพานไม้แบบนี้
ต่อด้วยทางเดินตอไม้ค่ะ
เดินมาจนถึงป้ายนี้ ทำให้รู้ว่าเราเดินสวนทางกับคนอื่น 555 เพราะเราเดินไปทางหมู่บ้านชนเผ่าก่อน ตามคำแนะนำของพี่คำหล้า แล้วค่อยมาที่น้ำตกผาส้วม แต่ไม่ว่าจะเดินทางไหนก่อน ก็ไม่เป็นไรค่ะ ^^"
04 น้ำตกผาส้วม (อุทยานบาเจียง)
Time : 07.30-17.00
Ticket : 5,000 กีบ
Parking : มอเตอร์ไซค์ 3,000 กีบ / รถยนต์ 5,000 กีบ
อีกหนึ่งน้ำตกในลาวใต้ที่ห้ามพลาดค่ะ
บางทีเราก็อ่านภาษาลาวออกนะ...พอจะเดาได้ ^^
สะพานไม้สานค่ะ
แอบคิดว่ามันดูไม่แข็งแรงเลย แล้วก็ไม่แน่ใจจะรับน้ำหนักได้ประมาณกี่คน ก็เลยต้องรอให้ไม่มีคนถึงกล้าข้ามค่ะ - -"
เม็ดกระบกคั่วววว ของโปรดดดด ถุงเล็กๆ (ซ้ายสุด) 20 บาท จ่ายเงินไทยได้ค่ะ
ทางไปเมืองจำปาสัก วิวสองข้างทางจะเป็นภูเขาสูงทั้งนั้นเลยค่ะ
05 วังเจ้าราชดนัย ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466 เป็นอาคารโบราณเก่าแก่ 2 ชั้น ในอดีตคือวังของเจ้าราชดนัย (หยุย) ณ จำปาสัก เจ้าผู้ครองนครจำปาสักพระองค์สุดท้าย วังแห่งนี้ไม่ได้เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมค่ะ....น่าเสียดาย ><
06 วังเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก ผู้มีเชื้อสายเจ้าผู้ครองนครจำปาสักของลาว อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งรัฐบาลพระราชอาณาจักรลาว อดีตผู้ตรวจการแผ่นดินต่างพระเนตรพระกรรณเจ้ามหาชีวิตแห่งราชอาณาจักรลาว และประมุขแห่งราชสกุล ณ จำปาสัก พระองค์ทรงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเมืองลาวในฐานะลาวฝ่ายขวาหลังจากที่รับเอกราชจากฝรั่งเศส จนกระทั่งสิ้นสุดสมัยพระราชอาณาจักรลาวในปี พ.ศ. 2518 ค่ะ
ย่านเมืองเก่า ยังมีตึกสไตล์โคโลเนียลสมัยภายใต้การปกครองของฝรั่งเศษ ระหว่างทางในเขตเมืองจำปาสักค่ะ
07 วัดอามาดตายาราม นอกจากจะเป็นวัดประจำเมืองจำปาสักแล้ว ยังมีความสำคัญอีกอย่างคือ เป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ (พระครูวิเวกพุทธกิจ) ซึ่งเป็นอาจารย์ของหลวงปู่มั่น (พระนักวิปัสสนากรรมฐานที่สำคัญของไทย) ได้มรณภาพในอิริยาบถขณะกราบครั้งที่ 3 ในอุโบสถวัดอามาดตายาราม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 ค่ะ
08 พิพิธภัณฑ์วัดพู
Time : 08.00 - 16.00 น.
Ticket : ฟรี (รวมในค่าตั๋วของปราสาทหินวัดพูแล้ว)
ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุ เกี่ยวกับกลุ่มโบราณสถานวัดพูแขวงจำปาสักค่ะ
จัดแสดงภาพถ่ายไว้ด้วย
ชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว ก็มารอขึ้นรถไปปราสาทหินพูค่ะ
09 ปราสาทหินวัดพู
Time : 08.00 - 16.30 น.
Ticket : 30,000 กีบ
องค์การยูเนสโก้ได้รับรองและขึ้นทะเบียนปราสาทหินพู เป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของลาว จนถือได้ว่าเป็นสถานที่ซึ่งมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งในลาวใต้ค่ะ
ปราสาทหินวัดพู คือเทวสถานโบราณอายุกว่าพันปี ที่สร้างบนเนินเขาพูเกล้า มีรูปแบบคล้ายกับปราสาทเขาพระวิหารที่สร้างในยุคเดียวกันค่ะ
ด้านนอกอาณาเขตปราสาท (ชั้นล่าง) จะมีทางเดินระยะทาง 280 เมตร ซึ่งสองข้างทางขนาบด้วยเสาหินค่ะ
ภายในเขตปราสาท (ชั้นกลาง) หลังจากผ่านทางเดินขึ้นมา ก็จะพบกับปราสาท 2 หลัง ในรูปนี้คือปราสาทด้านขวามือ คือโรงเท้า (Nothern Palace) หมายถึงเป็นที่ประทับของพระอิศวรค่ะ
หลังจากปราสาท 2 หลัง ก็จะเจอทางเดินปูด้วยแผ่นหิน และบันไดทางขึ้นที่สูงชัน ถึงขนาดต้องปีนโดยใช้ทั้งมือและเท้าช่วยพยุง และว่ากันว่าที่ทำบันไดชันขนาดนี้เพื่อให้ผู้ที่จะขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านบน อยู่ในท่าหมอบคลานแสดงความเคารพขึ้นไปนั่นเองค่ะ
หันหลังกลับไป ก็จะมองเห็นปราสาททั้ง 2 หลังค่ะ
มีต้นดอกลีลาวดีระหว่างทางขึ้นด้วย
ปีนขึ้นมาถึงครึ่งทางก็ต้องมีพักกันบ้าง....แอบเหนื่อยยยย ^^"
วิวจากด้านบนค่ะ
ภายในเขตปราสาท (ชั้นบน) ตัวปราสาทชั้นบนค่ะ
มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน
กองหินปรักหักพัง บริเวณรอบๆ ตัวปราสาทชั้นบนค่ะ
มองลงไปด้านล่างจากชั้นบน จะเห็นปราสาทชั้นกลาง 2 หลังที่เดินผ่านมา ซึ่งยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามีไว้เพื่ออะไร มีการสันนิษฐานมากมายว่า เพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ หรือเป็นสถานที่ชำระล้างร่างกายก่อนเข้าบูชาเทวสถาน ฯลฯ
สระเก็บน้ำที่เป็นระบบชลประทานตั้งแต่สมัยโบราณค่ะ
หมดไปหนึ่งวัน กลับมาดูที่พักเราบ้างค่ะ เนื่องจากทริปนี้มีเพื่อนเป็นสปอนเซอร์ ก็เลยเที่ยวดี กินดี นอนดีมากระดับห้าดาว ที่โรงแรมจำปาสักแกรนด์ วิวจากห้อง มองเห็นแม่น้ำโขง และคฤหาสน์สีทองของเจ้าของกาแฟดาว ฝั่งตรงข้ามค่ะ
เตียงคู่ ห้อง Deluxe ราคาปกติประมาณ 2,900 บาท/คืน แต่เนื่องจากพี่คำหล้ารู้จักกับรีเซฟชั่น แจ้งว่าพวกเราเป็นแขกกระทรวงที่มาประชุม ก็เลยได้ราคา 2,000 บาท/คืน ^^"
ปกติถ้าแบ๊คแพ๊คมาเอง คงนอนไม่เกิน 400 บาทน่ะค่ะ ><
ด้านล่างของโรงแรมเป็นร้านอาหาร มานั่งกินข้าว ชมวิวสวยๆ ของแม่น้ำโขงกับสะพานลาว - ญี่ปุ่นได้นะ
จบวันแรกกับเมืองปากเซและจำปาสัก และใน Part II เราจะไปกันต่อที่เมืองดอนเดด ดอนคอนและเมืองโขงนะคะ
IG : my_travelholic_diary